นายกฯ พอใจผลประชุมรมว.คลัง เอเปค บรรลุฉันทามติสร้างความยั่งยืนทางการคลัง อินโฟเควสท์
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชื่นชมผลสำเร็จจากการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้จัดการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 29 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยรัฐมนตรีคลังเอเปคได้ให้คำมั่นว่าจะจัดการกับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และเปิดการค้าเพื่อให้แน่ใจว่าภูมิภาคเอเปคมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้สำรวจมาตรการ เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ อาทิ การเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัล และความยั่งยืนสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว...
โดยในแถลงการณ์ประธานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 29 ระบุถึงฉันทามติที่รัฐมนตรีการคลังเอเปคเห็นพ้องและให้ความสำคัญ เช่น การคลังที่ยั่งยืน, Digitalization สำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล และการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเซบู พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามนโยบายการคลังที่ยืดหยุ่น เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงานที่ครอบคลุม และใช้เครื่องมือด้านนโยบายที่มีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การคลัง และโครงสร้าง เพื่อจัดการกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ...
อีกทั้งการประชุม APEC FMM ครั้งที่ 29 สะท้อนความพยายามในการร่วมมือกันขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของภูมิภาคเอเปค และถือเป็นโอกาสอันดีที่สมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคได้หารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงรับทราบแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ความคืบหน้าในการดำเนินการด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อมุ่งสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน...
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและตระหนักดีว่า การเงิน การคลัง ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของโลก ซึ่งในการประชุมรัฐมนตรีคลังเอเปคที่ผ่านมา รัฐมนตรีคลังเอเปค และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้หารือกันเพื่อวางแนวทางและนโยบายเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สมดุล และส่งเสริมความคิดริเริ่มด้านดิจิทัลสำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน...
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
นายกฯ กำชับเตรียมความพร้อมทุกด้านเจ้าภาพเอเปค เน้นปลอดภัย-สร้างความประทับใจ : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ติดตามสั่งการในการเตรียมเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเอเปค ปี 2565 ของไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในส่วนของการเตรียมการต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการด้านพิธีการและอำนวยการเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเอเปค ปี 2565 โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย โดยที่ประชุมได้รับทราบ และพิจารณามอบหมายหน้าที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เพื่อให้การเป็นเจ้าภาพการประชุมของไทยเป็นไปอย่างเรียบร้อย เหมาะสม และสร้างความประทับใจแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจที่จะเดินทางมาร่วมประชุม ในประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ และเกี่ยวข้อง อาทิ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้วันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร อำนวยความสะดวกการเดินทาง และเพื่อการอารักขาความปลอดภัยผู้นำเขตเศรษฐกิจ กระทรวงการต่างประเทศ …
อ่านเพิ่มเติม »
เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.1 แมกนิจูดที่จ.ฟุกุชิมะ ไม่มีเตือนภัยสึนามิ : อินโฟเควสท์สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) เปิดเผยว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.1 แมกนิจูด ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงจังหวัดฟุกุชิมะ ในช่วงบ่ายวันนี้ (21 ต.ค.) อย่างไรก็ตาม ไม่มีการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ JMA ระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.19 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในเมืองนาราฮะ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งของฟุกุชิมะ และมีความรุนแรงต่ำกว่าระดับ 5 ตามมาตรวัดของญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งหมด 7 ระดับ ทั้งนี้ จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่ระดับความลึกราว 30 กิโลเมตรในมหาสมุทรแปซิฟิก โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
กรมเชื้อเพลิงฯ ปัดต้นตอทำค่าไฟแพงจากเหตุเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณล่าช้า : อินโฟเควสท์นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าสาเหตุที่ค่าไฟแพงขึ้นในปัจจุบันเป็นผลมาจากความล่าช้าในการเข้าพื้นที่เพื่อเตรียมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ เนื่องจากกรมฯ ตั้งเงื่อนไขในการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียม โดยเชื่อมโยงกับกรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียมนั้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่กำกับ ดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ขอชี้แจงว่าทั้ง 2 กรณีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกัน และไม่ใช่สาเหตุหลักของค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น ที่ผ่านมากรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ทำหน้าที่แสวงหาแหล่งพลังงานเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เป็นหน่วยงานภาครัฐระดับกรมที่สร้างรายได้เป็นลำดับที่ 4 ของประเทศ ปีละกว่า 100,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ในการดำเนินการจัดหาผู้ประกอบการสำรวจและผลิตแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ (G1/61) และบงกช (G2/61) ที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 65-66 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างความต่อเนื่องในการผลิตปิโตรเลียมเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ จึงได้เริ่มดำเนินการประมูลจัดหาผู้ประกอบการสำรวจและผลิตแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ (G1/61) และบงกช (G2/61) ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ในปี 61 เป็นการล่วงหน้าก่อนที่จะสิ้นอายุสัมปทาน 4-5 ปี เพื่อให้การบริหารพลังงานของประเทศได้อย่างมั่นคงและไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยการประมูลดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางที่คณะกรรมาธิการพลังงาน สภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้เสนอให้มีการใช้ระบบสัมปทานและระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ในการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลียมของประเทศไทย ซึ่งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติโดยคณะกรรมการปิโตรเลียมได้ทำการศึกษาและสรุปว่าการใช้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) มีความเหมาะสม สำหรับใช้ในการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ และบงกช ที่กำลังจะสิ้นสุดอายุสัมปทาน ทั้งนี้ผู้รับสัมปทานรายเดิมสำหรับแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ คือ บริษัท เชฟรอน …
อ่านเพิ่มเติม »
สหรัฐขาดดุลงบประมาณลดลงครึ่งหนึ่งจากปีก่อน หลังค่าใช้จ่ายด้านโควิดลด : อินโฟเควสท์กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (21 ต.ค.) ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐในปี 2565 ลดลงครึ่งหนึ่งจากปีก่อนหน้าเหลือ 1.38 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลดน้อยลง และรัฐบาลมีรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ขณะที่เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น การลดลงของยอดขาดดุลในปีงบประมาณซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 ก.ย.นั้น นับเป็นการลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐในปี 2564 อยู่ที่ 2.77 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ 6.27 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2565 ลดลง 8.1% จากปี 2564 ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 4.90 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21.0% จากปีก่อนหน้า ซึ่งกระทรวงการคลังระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลได้เพิ่มขึ้น สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ขณะที่ใกล้จะถึงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.นั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ใช้การเปิดเผยข้อมูลการขาดดุลงบประมาณที่ลดลงดังกล่าว เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลของเขาในการช่วยปรับปรุงสถานะการคลังของประเทศ ขณะที่โจมตีว่าพรรครีพับลิกันแทบไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ในการลดยอดขาดดุลงบประมาณ “ยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปีในสมัยของรัฐบาลปธน.โดนัลด์ ทรัมป์” ปธน.ไบเดนระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ทำเนียบขาว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ต.ค. …
อ่านเพิ่มเติม »
กสิกรฯ คาดกรอบหุ้นไทยสัปดาห์ 1,575-1,610 ดูตัวเลขศก.-ผลประกอบการบล.-Flow-ประชุม ECB/BOJ : อินโฟเควสท์บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (24-28 ต.ค.65) ว่า มีแนวรับอยู่ที่ 1,585 และ 1,575 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,610 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย.ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow) ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 ของ บจ. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ต.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.ย. ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB และ BOJ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) …
อ่านเพิ่มเติม »