เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.1 แมกนิจูดที่จ.ฟุกุชิมะ ไม่มีเตือนภัยสึนามิ ญี่ปุ่น ฟุกุชิมะ แผ่นดินไหว อินโฟเควสท์
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.1 แมกนิจูด ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงจังหวัดฟุกุชิมะ ในช่วงบ่ายวันนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ
JMA ระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.19 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในเมืองนาราฮะ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งของฟุกุชิมะ และมีความรุนแรงต่ำกว่าระดับ 5 ตามมาตรวัดของญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งหมด 7 ระดับ
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.1 จ.เชียงใหม่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 4.1 ที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ รู้สึกได้ในพื้นที่ ใกล้จุดศูนย์กลาง และจังหวัดใกล้เคียง
อ่านเพิ่มเติม »
โบรกฯมองเป็นกลาง BTS จากกรณี กทม.เล็งเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายสายสีเขียว : อินโฟเควสท์บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ต่อประเด็นข่าวที่ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงกรณีการพิจารณาอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 เส้นทางแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ว่าเรื่องนี้จะต้องเข้าที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร เนื่องจากการกำหนดค่าโดยสารเกี่ยวข้องกับงบประมาณของ กทม.และเงินชดเชยการขาดทุนจากการจ้างเดินรถ จึงอยากขอความเห็นจากสภากรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ แต่หากสภา กทม.ยังไม่นำการพิจารณาอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้าสู่วาระการประชุมสภา กทม. ฝ่ายบริหารจะดำเนินการออกประกาศจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวในอัตรา 15 บาทตลอดสายเฉพาะในส่วนต่อขยาย 2 ซึ่งจะประกาศให้ประชาชนรับทราบก่อน 30 วัน บล.ดาโอ มีมุมมองเป็นกลาง โดยอัตราค่าโดยสารดังกล่าวเป็นอัตราเดียวกับที่เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ ขณะที่สำหรับสายสีเขียวส่วนต่อขยาย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS )รับรู้ค่าบริการเป็นรายได้ O&M เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการเริ่มเรียกเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายของ กทม. เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทยอยแก้ปัญหาหนี้ที่ กทม. ค้างชำระต่อ BTS โดยปัจจุบันมียอดหนี้ O&M และหนี้ค่าซื้อระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) รวมราว 4 หมื่นล้านบาท สำหรับ BTS เราคงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมาย 9.30 …
อ่านเพิ่มเติม »
ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าติดต่อกัน 14 เดือน เหตุต้นทุนนำเข้าพุ่งหลังเยนอ่อน : อินโฟเควสท์กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (20 ต.ค.) ว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้า 2.09 ล้านล้านเยน (1.394 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินเยน ทั้งนี้ ยอดนำเข้าเดือนก.ย.ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 45.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และนับเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ยอดการนำเข้าขยายตัวมากกว่า 40% เนื่องจากญี่ปุ่นนำเข้าน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติเหลว และถ่านหินเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินเยนยังส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าเชื้อเพลิงปรับตัวขึ้นด้วย ส่วนยอดการส่งออกในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 28.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐ รวมทั้งอุปสงค์ชิปและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้ โดยยอดส่งออกเดือนก.ย.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 27.1% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 22% ในเดือนส.ค. เมื่อพิจารณาเป็นรายประเทศพบว่า ยอดส่งออกไปยังจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้น 17.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนจากความต้องการรถยนต์และอุปกรณ์ผลิตชิป ขณะที่ยอดการส่งออกไปยังสหรัฐพุ่งขึ้น 45.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี นำโดยการส่งออกรถยนต์ และเครื่องจักรสำหรับการก่อสร้างและการทำเหมือง สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัว 3.5% ในไตรมาส 2 …
อ่านเพิ่มเติม »
เงินบาทเปิด 38.42 แนวโน้มอ่อนค่า หลังดอลลาร์แข็งค่า รับบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง : อินโฟเควสท์นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 38.42 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 38.24 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากเย็นวาน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ดีดขึ้นแรง ทำให้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน ประกอบกับเงินเฟ้อของอังกฤษ และแคนาดา ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด จึงทำให้ตลาดมอง แนวโน้มว่าธนาคารกลางหลายประเทศ คงยังต้องใช้นโยบายปรับดอกเบี้ยแรงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดยังจับตา Flow ของต่างชาติ ซึ่งระยะหลังนี้ เริ่มมีการขายพันธบัตรรัฐบาลของไทยต่อเนื่อง รวมทั้งจับตา ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ว่าจะเข้ามาแทรกแซงค่าเงินเยนหรือไม่ หลังจากที่เงินเยนอ่อนค่าใกล้แตะ 150 เยน/ดอลลาร์ นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 38.25 – 38.50 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT FIX 3M (19 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.54473% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ …
อ่านเพิ่มเติม »
กทม.เผย PM 2.5 เช้านี้เกินค่ามาตรฐาน 12 พื้นที่ แนวโน้มเพิ่มขึ้น : อินโฟเควสท์ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของ กทม. ประจำวันที่ 20 ต.ค.65 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซึ่งสามารถตรวจวัดได้ 34-62 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยพบว่าเกินมาตรฐาน (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 12 พื้นที่ เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ และค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สำหรับ 12 พื้นที่ ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ ได้แก่ 1.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 มีค่าเท่ากับ 62 มคก./ลบ.ม. 2.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ มีค่าเท่ากับ 59 มคก./ลบ.ม. …
อ่านเพิ่มเติม »
ฮั่งเส็งร่วงต่ำสุดในรอบ 13 ปี นลท.ผิดหวังแผนกอบกู้สถานะฮับการเงินฮ่องกง : อินโฟเควสท์ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปีในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับแผนการพลิกฟื้นฮ่องกงให้หวนคืนสู่การเป็นศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศของนายจอห์น ลี ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษของฮ่องกง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลต่อผลกระทบของการที่ฮ่องกงต้องดำเนินนโยบายโควิดเป็นศูนย์ตามแนวทางของจีนต่อไป สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลงรุนแรงถึง 3% ในการซื้อขายช่วงเช้านี้ แตะที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2552 โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงหนักสุด นำโดยหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง และหุ้นเหม่ยถวน ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลงไปแล้วประมาณ 31% ในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในโลกในปีนี้ โดยถูกกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และผลกระทบทั่วโลกจากเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่วนปัจจัยล่าสุดที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงนั้น มาจากการที่นักลงทุนผิดหวังกับแผนการพลิกฟื้นสถานะของฮ่องกงที่ประกาศโดยนายจอห์น ลี โดยเมื่อวานนี้ (19 ต.ค.) นายลีเปิดเผยแผนดึงดูดบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างน้อย 200 แห่งให้เข้ามาตั้งสำนักงานหรือขยายการดำเนินงานในฮ่องกงภายในปี 2568 โดยพุ่งเป้าไปที่บริษัทเอกชนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารสินทรัพย์ของนักธุรกิจที่มั่งคั่ง นอกจากนี้ นายลียังได้ประกาศมาตรการส่งเสริมการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาด และโครงการสนับสนุนทางการเงินสำหรับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้คำมั่นว่าจะขยายแพลตฟอร์มการซื้อขายข้ามพรมแดนกับจีน และส่งเสริมการใช้สกุลเงินหยวนในการทำธุรกรรมในฮ่องกง โดยฮ่องกงจะทำการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้มีการยกเว้นการเก็บอากรแสตมป์สำหรับบริษัทที่สร้างสภาพคล่องในตลาดเพื่อสนับสนุนการซื้อขายหลักทรัพย์ในสกุลเงินหยวนผ่านระบบ Stock Connect ในปีหน้า อย่างไรก็ดี นักลงทุนมองว่า แผนการดังกล่าวของนายลียังไม่มากเพียงพอที่จะพลิกฟื้นบทบาทของฮ่องกงให้กลับคืนสู่สถานะศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ หลังจากที่ถูกสิงคโปร์แซงหน้าขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินอันดับ 1 ของเอเชีย โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. …
อ่านเพิ่มเติม »