KTC ชูบริการรับชำระเงินร้านค้าปลอดภัย-รวดเร็วดันยอดรับบัตรเครดิตปี 66 โต 20% KTC บัตรกรุงไทย บัตรเครดิต อินโฟเควสท์
น.ส.เนาวรัตน์ กีรติเกษมสุข ผู้บริหารสูงสุด สายงานบริหารร้านค้าสมาชิก บมจ.บัตรกรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทคาดธุรกิจร้านค้ารับบัตรเครดิตเคทีซี ในปี 66 จะเติบโต 20% ใกล้เคียงปีนี้ เป็นไปตามการขยายตัวของธุรกิจร้านค้าใหม่ๆ
1.
4. KTC QR Pay บริการรับชำระค่าสินค้าบริการด้วยบัตรเครดิต หรือพร้อมเพย์ เพียงลูกค้าสแกนคิวอาร์โค้ด ซึ่งบริการ QR Pay กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพียงร้านค้าตั้งป้าย QR Code หรือสร้าง QR Code ผ่านโมบายแอปพลิเคชัน “KTC Merchant” จะสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว บริการดังกล่าว KTC จะเน้นให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตในปีหน้า, ความปลอดภัยของระบบและข้อมูล, ความสะดวกรวดเร็วของร้านค้า และการให้คำปรึกษากับร้านค้าตลอด 24 ชั่วโมง
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
VIBHA รับรายได้ปี 66 หมดโควิดส่อวูบกว่า 20% หวังเงินปันผล-เงินค้างรับช่วยพยุง : อินโฟเควสท์นายพิจิตต์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปี 66 จะลดลงราว 20% จากปีนี้ หลังไม่มีรายได้จากผู้ป่วยโควิด-19 และรายได้จากวัคซีนเหมือนในปี 65 แล้ว แต่อย่างไรก็ตามคาดรายได้เงินปันผลจะเพิ่มขึ้น จากการลงทุนในโรงพยาบาล หรือบริษัทอื่น รวมถึงจะสามารถรับรู้รายได้ค้างรับจากโควิด-19 เข้ามาในปีหน้า ซึ่งจะเข้ามาหนุนรายได้ในปีหน้าไม่ให้ปรับตัวลงมาก ขณะที่บริษัทยังเดินหน้าลงทุนในปีหน้า โดยวางงบไว้ราว 200-600 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในโรงพยาบาลที่รับคนไข้ในระบบประกันสังคม สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดกำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า เนื่องด้วยไตรมาสก่อนหน้ามีรายได้จากวัคซีนราว 70 ล้านบาท แต่ในไตรมาสนี้ไม่มี ขณะเดียวกันไตรมาส 4/64 มีเงินปันผลจากโรงพยาบาลสินแพทย์ เสรีรักษ์ ราว 100 ล้านบาท และยังมีรายได้จากโควิด-19 ที่เบิกจ่ายกับรัฐบาลด้วย ส่วนโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม คาดกำไรสุทธิใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้โรงพยาบาลวิภารามคาดกำไรสุทธิลดลงค่อนข้างมาก จากปีที่แล้วมีรายได้จากโควิด-19 ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม รายได้ปี 65 ยังจะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 7,873.84 …
อ่านเพิ่มเติม »
นิวซีแลนด์คาดเศรษฐกิจปี 66 ถดถอย เหตุศก.โลกชะลอตัว-อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น : อินโฟเควสท์รัฐบาลนิวซีแลนด์เปิดเผยว่า นิวซีแลนด์จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและจากการที่ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ กระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ระบุในรายงานล่าสุดว่าด้วยเศรษฐกิจและการคลังครึ่งปีว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะหดตัวไป 3 ไตรมาส เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2566 โดยรวมแล้วเศรษฐกิจจะหดตัว 0.8% ในปี 2566 นายแกรนท์ โรเบิร์ตสัน รัฐมนตรีคลังนิวซีแลนด์ระบุ “เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงขาลงอย่างหนักในปีหน้า และนิวซีแลนด์จะไม่รอดพ้นจากผลกระทบดังกล่าว” พร้อมเสริมว่า “เราพร้อมรับมือด้วยจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่ง เราเตรียมพร้อมสำหรับการชะลอตัวครั้งนี้ด้วยการบริหารการคลังอย่างระมัดระวัง” เมื่อเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางนิวซีแลนด์คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวติดต่อกัน 4 ไตรมาส โดยจะเริ่มในไตรมาสที่ 2/2566 และกล่าวว่า อาจปรับอัตราดอกเบี้ยเงินสด (official cash rate) ให้สูงขึ้นแตะระดับ 5.5% จาก 4.25% ในปัจจุบัน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้าอาจเป็นปัญหาสำหรับนางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เนื่องจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองอาจทำลายโอกาสที่นางอาร์เดิร์นจะได้เป็นนายกฯ สมัยที่ 3 โดยโพลล์การเมืองล่าสุดบ่งชี้ว่า คะแนนนิยมพรรคแรงงานของนางอาร์เดิร์นกำลังตามหลังพรรคอื่น และพรรคแรงงานก็เพิ่งแพ้การเลือกตั้งซ่อมไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นายโรเบิร์ตสันกล่าวว่ารัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนครัวเรือน โดยได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือการครองชีพแล้ววันนี้ ซึ่งรวมถึงการขยายระยะเวลาลดภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิงจนถึงสิ้นเดือนก.พ. และจะทยอยยกเลิกมาตรการช่วยเหลือภายในสิ้นเดือนมี.ค. …
อ่านเพิ่มเติม »
ไฮสปีดเทรนกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ คุ้มไม่คุ้ม รู้ผลมี.ค.66 : อินโฟเควสท์นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เป็นประธานการประชุมหารือด้านเทคนิค โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งของไทยและญี่ปุ่น ร่วมกันพิจารณารายงานฉบับกลางของการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจและการเงินในโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นได้รายงานความเป็นมา วัตถุประสงค์ และการวิเคราะห์ทางการเงิน นับตั้งแต่องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ได้ศึกษาความเหมาะสมของโครงการ (Feasibility Study : FS) ในปี 2560 เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพโครงการ การลดต้นทุน และการประเมินความต้องการเดินทางอีกครั้ง โดยการวิเคราะห์ทางการเงิน จะจัดทำขึ้นเพื่อศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ด้วยรูปแบบที่หลากหลาย และใช้สมมติฐานที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นได้รายงานความก้าวหน้าของการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์ ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางจราจรที่ใช้ในการศึกษาที่ผ่านมา และการทบทวนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยญี่ปุ่นจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งผลกระทบของการลดการปล่อย CO2 จะถูกนำมารวมอยู่ในผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้วย ทั้งนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นนำเสนอกรอบระยะเวลาการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจและการเงิน และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2566 ขณะที่ กรมการขนส่งทางราง ได้เสนอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาศึกษาการคาดการณ์ผลตอบแทนเศรษฐกิจเชิงกว้าง (Wider Economic Benefits) จากการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง โดยนำกรณีศึกษาการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีในประเทศญี่ปุ่นมาเป็นแนวทางดำเนินการ เช่น …
อ่านเพิ่มเติม »
ยุโรปเร่งตุนนำเข้าดีเซล ก่อนเริ่มคว่ำบาตรรัสเซียก.พ. 66 : อินโฟเควสท์ยุโรปนำเข้าน้ำมันดีเซลจากทั่วโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนบังคับใช้มาตรการห้ามนำเข้าจากรัสเซีย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทดีเซลทางเรือมากกว่า 16 ล้านบาร์เรลในช่วง 10 วันแรกของเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นอัตราที่อาจทำให้ยอดนำเข้าดีเซลตลอดเดือนธ.ค.สูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ปี 2559 ยุโรปขาดแคลนน้ำมันดีเซลและพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากแหล่งอื่นมาเป็นเวลานาน ยอดนำเข้าของเดือนธ.ค.ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางอาจทำให้เห็นถึงแนวทางการเอาตัวรอดของยุโรป หลังมาตรการคว่ำบาตรของ EU ที่ห้ามส่งสินค้าทางทะเลจากรัสเซียจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนก.พ.ปีหน้า อย่างไรก็ดี เกือบครึ่งหนึ่งของการนำเข้าน้ำมันดีเซลในเดือนธ.ค.จนถึงขณะนี้ล้วนมาจากรัสเซีย โดยมีสัดส่วนในระดับเดียวกับของเดือนพ.ย. ซึ่งหมายความว่า EU ยังคงพึ่งพารัสเซียในด้านเชื้อเพลิงอยู่ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
เคาต์ดาวน์ปีใหม่ 66! BTS ให้บริการถึงตี 2 ทั้งสายสีเขียว-สีทอง : อินโฟเควสท์นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งว่า บริษัทฯ ได้ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร, บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ร่วมเฉลิมฉลองส่งมอบความสุขในคืนเคาต์ดาวน์ ขยายเวลาให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี ทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีทอง ในคืนวันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม 2565 ถึงเวลา 02.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ทั้งนี้ จะมีรถไฟฟ้าขบวนสุดท้าย ออกจากสถานีสยามไปทุกสถานี ในเวลา 02.00 น. สำหรับบริเวณจุดจอดแล้วจรหมอชิต จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการที่เดินทางไปร่วมกิจกรรม สังสรรค์ หรือชมแสงสีในคืนแห่งความสุข ตลอดเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »