KBANK มองกรอบบาทสัปดาห์หน้า 37.80-38.80 จับตาตัวเลขศก.-Flow-ประชุม ECB/BOJ เงินบาท ค่าเงินบาท อินโฟเควสท์
ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า ไว้ที่ระดับ 37.80-38.80 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกไทยเดือน ก.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค ผลการประชุม ECB และ BOJ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ข้อมูลรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล รวมถึง PCE/Core PCE Price Indices เดือน ก.ย.
ทั้งนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าลงตามทิศทางภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินเยน และเงินหยวน โดยในระหว่างสัปดาห์ เงินบาทร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีที่ 38.
ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ขณะที่ตลาดทยอยเพิ่มน้ำหนักให้กับโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 bps. เป็นครั้งที่ 5 ในการประชุม FOMC เดือน ธ.ค.ต่อเนื่องจากที่น่าจะปรับขึ้น 75 bps. ในการประชุมเดือน พ.ย.นี้ ในวันศุกร์ที่ 21 ต.ค.65 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 38.36 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ 38.08 บาท/ดอลลาร์ในวันพุธก่อนหน้า ขณะที่ระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค.65 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,006 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflow ออกจากตลาดพันธบัตร 16,315 ล้านบาท
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
กสิกรฯ คาดกรอบหุ้นไทยสัปดาห์ 1,575-1,610 ดูตัวเลขศก.-ผลประกอบการบล.-Flow-ประชุม ECB/BOJ : อินโฟเควสท์บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (24-28 ต.ค.65) ว่า มีแนวรับอยู่ที่ 1,585 และ 1,575 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,610 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย.ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow) ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 ของ บจ. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ต.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.ย. ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB และ BOJ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) …
อ่านเพิ่มเติม »
KBANK คาดปี 66 เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยประคองศก. หวั่นซ้ำรอยวิกฤตปี 2008 : อินโฟเควสท์นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ภาวะความผันผวนของตลาดเงินยังมีอยู่ค่อนข้างมาก จากปัจจัยความไม่แน่นอนของการการดำเนินนโยบายต่างๆ และปัจจัยด้านการเมือง โดยปัจจุบันยอมรับว่าจากการทำนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งยังคงเห็นการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น และนักลงทุนต่างนำเงินเข้ามาพักในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นจำนวนมาก ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นดาวเด่นในปีนี้ ด้านผลกระทบจากการที่เฟดยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ เริ่มมีหลายฝ่ายได้วิเคราะห์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านเริ่มออกมาแสดงความกังวลในการนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้าได้ ทำให้ในระยะต่อไปหรือในช่วงปี 66 คาดว่าจะเริ่มเห็นท่าทีของเฟดเริ่มลดความร้อนแรงของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้น เพื่อกลับมาประคองเศรษฐกิจ และธุรกิจต่างๆ ให้อยู่รอดได้ หลังจากที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปถึงใกล้ระดับ 5% แล้ว เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยผลกระทบที่เกิดขึ้นในปี 2008 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่า จากการที่นักลงทุนนำเงินมาพักไว้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างมาก แต่คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ อาจจะมีการขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯออกมาบางส่วนในช่วงที่ใกล้วันหยุดเทศกาลปลายปี เพื่อนำไปใช้ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล ทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯอาจพักตัวได้ในระยะสั้นได้ “ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความผันผวนในตลาดเงิน และสินทรัพย์ต่างๆ มาจากการที่ทุกคนเพลิดเพลินกับ Free Money ที่เฟดพิมพ์ออกมา ทำให้เมื่อต้องหันมาจัดการกับสิ่งที่เฟดทำไปเพื่อประคองเศรษฐกิจ ทำให้ตอนนี้ภาวะตลาดเงิน และสินทรัพย์ต่างๆ มีความผันผวนเกิดขึ้น” นายกอบสิทธิ์ กล่าว ขณะที่ภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิด-19 เป็นประเทศหลังๆ โดยในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจไทยยังต้องใช้ระยะเวลาอีกพักใหญ่กว่าจะกลับมาเติบโตได้ตามศักยภาพในระยะยาว …
อ่านเพิ่มเติม »
KBANK แจงกำไร 9 เดือนแรกโต 15.73% รับแรงหนุนรายได้ดอกเบี้ย-ตั้งสำรองลดลง : อินโฟเควสท์นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนของปี 65 เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 64 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 32,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 4,428 ล้านบาท หรือ 15.73% หลักๆเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 8,261 ล้านบาท หรือ 9.32% จากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อซึ่งยังคงเป็นไปตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อใหม่ในกลุ่ม ลูกค้าบุคคล และกลุ่มลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ในการปล่อยสินเชื่อซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.26% ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 5,228 ล้านบาท หรือ 16.22% ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ตามภาวะตลาดของสินทรัพย์ทางการเงินซึ่งเป็นการลงทุนตามธุรกิจปกติของบริษัทย่อย และการลดลงของรายได้สุทธิจากการรับประกันภัย สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 3,145 …
อ่านเพิ่มเติม »
เงินเฟ้อญี่ปุ่นพุ่งแรงสุดในรอบกว่า 31 ปี อาจกระทบนโยบายการเงิน BOJ : อินโฟเควสท์กระทรวงฝ่ายกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานทั่วประเทศ ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด พุ่งขึ้น 3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 31 ปี เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าปรับตัวขึ้นเป็นวงกว้างตั้งแต่ต้นทุนพลังงานไปจนถึงอาหาร โดยข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผชิญกับความยากลำบากในการเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ทั้งนี้ ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อสำคัญของญี่ปุ่น ยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของ BOJ ที่ระดับ 2% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของญี่ปุ่นสะท้อนให้เห็นว่า BOJ จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในการพยุงเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอด้วยการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไป ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างมาก และทำให้ต้นทุนการนำเข้าพุ่งขึ้น BOJ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายซึ่งสวนทางกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยในขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย.และธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% จำนวน 5 ครั้งติดต่อกัน หลังจากปรับขึ้น 0.75% ในเดือนมิ.ย., ก.ค. และก.ย. ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะพุ่งแตะระดับ 4.50-4.75% ในสิ้นปีนี้ …
อ่านเพิ่มเติม »
BOJ ประกาศซื้อพันธบัตรฉุกเฉินครั้งที่สองวันนี้ หลังบอนด์ยีลด์พุ่งนิวไฮ : อินโฟเควสท์ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นแบบฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภท 20 ปี พุ่งทำนิวไฮ ซึ่งทำให้ BOJ ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการปกป้องจุดยืนด้านการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการควบคุมอัตราผลตอบแทนนั้น BOJ ยืนยันว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเป็นการฉุกเฉินอีกครั้ง โดยจะเข้าซื้อพันธบัตรอายุระหว่าง 10-25 ปี ในวงเงิน 1 แสนล้านเยน หรือประมาณ 665.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเมื่อวานนี้ (20 ต.ค.) BOJ ประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นแบบฉุกเฉิน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภท 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.255% ซึ่งสูงกว่าเพดานที่ BOJ กำหนดไว้ที่ 0.25% โดย BOJ เข้าซื้อพันธบัตรเป็นวงกว้าง ตั้งแต่พันธบัตรอายุ 5 ปีไปจนถึงพันธบัตรที่มีอายุการไถ่ถอนนานกว่านั้น ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 2.50 แสนล้านเยน (1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ระดับ 0.25% เป็นเพดานที่ BOJ กำหนดไว้ตามมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน …
อ่านเพิ่มเติม »
เงินบาทเปิด 38.36 อ่อนค่าจากวานนี้ ให้กรอบ 38.05-38.40 จับตาบอนด์ยีลด์สหรัฐ-Flow : อินโฟเควสท์นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 38.36 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 38.21 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้เงินบาทอ่อนค่า เช่นเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ดีดขึ้น โดยช่วงนี้ยังคงต้องติดตามทิศทางของบอนด์ยีลด์ และจับตาดู Flow ซึ่งต่างชาติเทขายพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังต้องติดตาม ทางการญี่ปุ่นว่าจะทำการแทรกแซงค่าเงินหรือไม่ หลังล่าสุดเงินเยนอ่อนค่าแตะที่ระดับ 150 เยน/ดอลลาร์ หรืออ่อนค่าสุดในรอบ 32 ปี นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 38.05 – 38.40 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT FIX 3M (20 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.43336% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.66553% * ปัจจัยสำคัญ – เงินเยนอยู่ที่ระดับ 150.22 เยน/ดอลลาร์ …
อ่านเพิ่มเติม »