KBANK คาดกรอบ เงินบาท สัปดาห์หน้า 37.30-38.20 เกาะติดประชุมเฟด-ตัวเลขศก.สหรัฐ ค่าเงินบาท อินโฟเควสท์
ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์ถัดไป ที่ระดับ 37.30-38.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมเฟด รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนก.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนี PMI และ ISM สำหรับภาคการผลิตและภาคบริการเดือนต.ค. รวมถึงตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนก.
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตาม ผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย และธนาคารกลางอังกฤษ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 และอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของยูโรโซน ตลอดจน PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนต.ค. ของจีน อังกฤษ และยูโรโซนด้วยเช่นกัน ในวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 37.93 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 38.37 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า ขณะที่ระหว่างวันที่ 25-28 ต.ค. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 8,464 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตร 5,205 ล้านบาท
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เงินบาทเปิด 37.64 จับตา GDP สหรัฐ-ประชุม ECB คาดกรอบ 37.50-37.85 : อินโฟเควสท์นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 37.64 บาท/ดอลลาร์ แข็ง ค่าจากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 37.74 บาท/ดอลลาร์ ล่าสุด เงินบาทอ่อนค่าไปอยู่ที่ 37.74 บาท/ดอลลาร์ หลังจากที่เมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางแคนาดา มีมติปรับขึ้น ดอกเบี้ยนโยบายน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ จึงทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดความร้อนแรงในการปรับขึ้น ดอกเบี้ยลงได้บ้าง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ย่อตัวลง ดอลลาร์สหรัฐจึงปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบ กับสกุลเงินอื่น ขณะที่ คืนนี้ต้องติดตามการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/65 ของสหรัฐ รวมทั้งการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 37.50 – 37.85 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT FIX 3M (26 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.12858% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ …
อ่านเพิ่มเติม »
รฟม.เปิดเฮียริ่งผลศึกษาเปรียบเทียบเทคโนโลยีระบบรถไฟฟ้าของนครราชสีมา : อินโฟเควสท์การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อผลการศึกษาเปรียบเทียบทางเลือกระบบเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่เหมาะสม สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) โดยมีนายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ พร้อมด้วยผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา และผู้สนใจ รวมถึงสื่อมวลชน เข้าร่วมการประชุมกว่า 250 คน ที่จังหวัดนครราชสีมา นายสาโรจน์ ต.สุวรรณ รองผู้ว่าการ (กลยุทธ์และแผน) รฟม. เปิดเผยว่า การประชุมฯ ในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากผลการศึกษาวิเคราะห์รูปแบบการลงทุนของโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียวฯ มีมูลค่าการลงทุนสูง รายได้จากการเดินรถไม่เพียงพอต่อค่าเดินรถและบำรุงรักษา และต่อมาในปี 2564 กระทรวงคมนาคมได้มอบนโยบายให้ รฟม. ศึกษาและพิจารณาแนวทางการใช้รถไฟฟ้าล้อยางในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนหลักในภูมิภาค รฟม. จึงได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมของสัญญาจ้างกลุ่มที่ปรึกษา NMGC ให้ดำเนินการศึกษาเปรียบเทียบทางเลือกระบบเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับโครงการฯ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา รฟม. ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งนี้ เพื่อนำเสนอผลการศึกษาระบบเทคโนโลยีรถไฟฟ้า 3 ระบบ ได้แก่ 1) …
อ่านเพิ่มเติม »
ทริสฯ เพิ่มอันดับเครดิตองค์กร BBGI เป็น 'A-' จาก 'BBB+' แนวโน้ม Stable : อินโฟเควสท์ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. บีบีจีไอ (BBGI) เป็น “A-” จากเดิมที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” การปรับเพิ่มอันดับเครดิตนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) มาอยู่ที่ระดับ “A/Stable” จากเดิมที่ระดับ “A-/Stable” เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 อันดับเครดิต “A-” ได้รับการปรับเพิ่มขึ้น 2 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะ (Standalone Credit Profile — SACP) ของบริษัทที่ระดับ “bbb” ซึ่งสะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทยังคงสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำด้านเชื้อเพลิงชีวภาพของบริษัทในประเทศไทย ซึ่งมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันจากความแข็งแกร่งของกลุ่มผู้ถือหุ้นหลักทั้งในด้านการจัดหาวัตถุดิบจนไปถึงการจำหน่าย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนลงจากอุปทานส่วนเกินของเชื้อเพลิงชีวภาพ การแข่งขันที่รุนแรง และกำไรที่มีความผันผวน ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวได้พิจารณาถึงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นจากเงินเพิ่มทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering — IPO) ในเดือนมีนาคม 2565 อย่างไรก็ดี …
อ่านเพิ่มเติม »
TIDLOR ผนึก 'สมใจ 2559' สู่ Tech Company บริการแพลตฟอร์มเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ : อินโฟเควสท์นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) กล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทต่างๆมากมายให้ความสนใจระบบเทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่เงินติดล้อพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจ ซึ่งบริษัทได้เลือก บริษัท สมใจ 2559 จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เป็นพันธมิตรรายแรกของบริษัท เพราะประทับใจในวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งของผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่มีแผนขยายธุรกิจด้วยหลักการที่เป็นธรรมกับลูกค้า และมีแนวคิดสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาครัฐให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อโดยเฉพาะในกลุ่ม Non-Bank เพื่อสร้างมาตรฐานการดำเนินธุรกิจให้เป็นแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรมสำหรับประชาชน แต่ในขณะเดียวกันการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดต่างๆ จากหลายหน่วยงาน อาทิ การติดตามทวงถามหนี้ มาตรฐานด้านการบัญชี หรือการเข้ามาควบคุมสัญญาเช่าซื้อและกำหนดอัตราดอกเบี้ยของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในอนาคตอันใกล้นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและเพิ่มความซับซ้อนในการทำธุรกิจแก่ผู้ประกอบการรายย่อยระดับท้องถิ่นซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญการดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำเป็นต้องใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศค่อนข้างเยอะ ซึ่งระบบที่ผู้ประกอบการรายเล็กใช้อยู่ในปัจจุบันอาจมีศักยภาพไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐได้ในทันที ในอีกแง่มุมสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์อาจเป็นการสร้างหนี้ครั้งแรกของคนไทย เราจึงมองว่าการมีส่วนช่วยยกระดับมาตรฐานและความเป็นธรรมในกระบวนการสินเชื่อประเภทนี้เป็นสิ่งที่ควรทำ และเงินติดล้อเองอยากมีส่วนร่วมในการสร้างมาตรฐานนั้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเงินติดล้อในการส่งเสริมแนวทางการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ “จากการที่เงินติดล้อเป็นองค์กรที่มีจุดแข็งด้านการพัฒนาระบบไอที จึงได้ริเริ่มใช้แพลตฟอร์มมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโต และอาจนำไปสู่การจับมือเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีในรูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมมือเป็นพันธมิตรในธุรกิจด้านสินเชื่อและนายหน้าประกันภัยก็ยังคงเป็นสิ่งที่เราให้ความสนใจ” นายปิยะศักดิ์ กล่าว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
ทริสฯ เพิ่มอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ BCPG เป็น 'A' แนวโน้ม Stable : อินโฟเควสท์ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เป็นระดับ “A” จากเดิมที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นไปตามการเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เป็น “A/Stable” จากเดิม “A-/Stable” ในวันที่ 27 ตุลาคม 2565 นี้ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท (Standalone Credit Profile – SACP) ยังคงอยู่ที่ระดับ “bbb+” โดยอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A” ซึ่งสูงกว่าอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอยู่ 2 ขั้นนั้นสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่เห็นว่าบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของ BCP อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงรายได้ที่แน่นอนและสินทรัพย์โรงไฟฟ้าของบริษัทที่มีการกระจายตัวเป็นอย่างดี ในทางกลับกัน ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนโดยความเสี่ยงในการบริหารงานโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้บรรลุเป้าหมาย (Execution Risk) และระดับภาระหนี้ของบริษัทที่คาดว่าจะสูงขึ้นเพื่อการสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต – เป็นบริษัทย่อยหลักของ BCP ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของ BCP เนื่องจากทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีส่วนที่สำคัญต่อกลยุทธ์ในอนาคตของ BCP โดยปัจจุบัน …
อ่านเพิ่มเติม »