'สแตนชาร์ด' หวังรัฐบาลใหม่คลอดมาตรการกระตุ้นศก.ดันจีดีพีโต 4.3% เศรษฐกิจ ข่าววันนี้ NationOnline
เศรษกิจไทยในครึ่งปีหลัง จะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก จะเริ่มทำงานได้อย่างเต็มที่และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-การบริโภคเพิ่มขึ้น ประกอบกับการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นของภาคการท่องเที่ยวจากอานิสงส์ของการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน คาดว่าจีดีพีครึ่งปีหลังจะเติบโต 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน จากครึ่งปีแรกเติบโต 2.9%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังคือดุลบัญชีการค้า สาเหตุมาจากการส่งออกที่ชะลอตัวลงและการนำเข้าที่ยังคงมีมูลค่าสูง โดยความเคลื่อนไหวเหล่านี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การค้าโลกในช่วงครึ่งปีหลังและการนำเข้าของไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งขึ้น การส่งออกและนำเข้าที่สอดคล้องกันอาจช่วยลดการขาดดุลการค้า
ทั้งนี้ธนาคารฯ ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ซึ่งสะท้อนตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต่ำกว่าคาด ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงไม่สดใส และโอกาสที่จะมีความล่าช้าในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากมีการเลือกตั้ง คาดว่าจีดีพีเติบโต 4.3% จากเดิมคาดเติบโต 4.5% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดจะอยู่ที่ 2.1% จากเดิมอยู่ที่ 2.7%) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดจะอยู่ที่ 1.7% จากดิมคาดไว้ที่ 3.3% ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดจะอยู่ที่ 3.
โดยคาดว่าเงินเฟ้อและการบริโภคจะเพิ่มขึ้นจากนโยบายทางเศรษฐกิจและนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายจากรัฐบาลใหม่ ในส่วนของปัจจัยด้านอุปทาน ราคาพลังงานและราคาอาหารที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอาจสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ซึ่งสนับสนุนมุมมองของเราที่มองว่าเงินเฟ้อจะกลับมาเพิ่มขึ้น
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
สแตนชาร์ด หั่นเป้า GDP ไทยปีนี้เหลือโต 4.3% หลังส่งออกชะลอฉุดการเติบโตครึ่งปีแรก : อินโฟเควสท์นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ปรับลดประมาณการ GDP ไทย ปี 66 ลงเหลือเติบโต 4.3% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต 4.5% สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีความสดใส และมีความผันผวน และปัจจัยในประเทศเรื่องความล่าช้าในการดำเนินโยบายทางเศรษฐกิจเนื่องจากยังรอการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้มองว่า GDP ไทยในครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ที่ 2.9% อย่างไรก็ตามมองว่าเศรษฐกิจไทยจะเห็นการเติบโตขึ้นในครึ่งปีหลังมากกว่าครึ่งปีแรก แต่ยอมรับว่าหากมองไปที่ปัจจัยภายนอกยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ปัจจัยภายนอกสร้างความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อภาคการส่งออกที่อาจจะยังชะลอตัวได้ ซึ่งทำให้ธนาคารเผฝ้าระวังในส่วนของดุลบัญชีการค้าที่มีโอกาสขาดดุลได้ เพราะการส่งออกเกิดการชะลอตัว แต่การนำเข้ายังคงมีมูลค่าที่สูงกว่า ซึ่งการที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้อย่างแข็งแกร่ง การส่งออกและการนำเข้าจะต้องสอดคล้องกัน เพื่อช่วยลดการขาดดุลการค้า ขณะเดียวกันเมื่อมองกลับมาที่ปัจจัยในประเทศยังคงมีแรงหนุนจากภาคท่องเที่ยวที่ยังเห็นทิศทางการปรับตัวดีขึ้น โดยที่ได้ปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 66 เพิ่มเป็น 25 ล้านคน จากเดิมที่ 15-20 ล้านคน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาเติมในช่วงครึ่งปีหลังราว 5 ล้านคน และคาดว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาหนาแน่นขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป ส่วนปัจจัยทางการเมืองหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 เดือนในการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะพร้อมทำงานอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. 66 […]
อ่านเพิ่มเติม »
แบงก์ชาติจีนตรึงดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันนี้ตามคาด : อินโฟเควสท์ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีไว้ที่ระดับ 3.65% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีที่ 4.30% ในวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นดัชนีวัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชน ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นดัชนีวัดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า PBOC จะตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ทั้งสองประเภทในวันนี้ หลังจากเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา PBOC ประกาศอัดฉีดเงินจำนวน 1.7 แสนล้านหยวนผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 2.75% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้ว และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ย MLF ติดต่อกันเดือนที่ 8 ก่อนหน้านี้ PBOC ได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) […]
อ่านเพิ่มเติม »
สแตนชาร์ด หั่นเป้า GDP ไทยปีนี้เหลือโต 4.3% หลังส่งออกชะลอฉุดการเติบโตครึ่งปีแรก : อินโฟเควสท์นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ปรับลดประมาณการ GDP ไทย ปี 66 ลงเหลือเติบโต 4.3% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต 4.5% สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีความสดใส และมีความผันผวน และปัจจัยในประเทศเรื่องความล่าช้าในการดำเนินโยบายทางเศรษฐกิจเนื่องจากยังรอการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้มองว่า GDP ไทยในครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ที่ 2.9% อย่างไรก็ตามมองว่าเศรษฐกิจไทยจะเห็นการเติบโตขึ้นในครึ่งปีหลังมากกว่าครึ่งปีแรก แต่ยอมรับว่าหากมองไปที่ปัจจัยภายนอกยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ปัจจัยภายนอกสร้างความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อภาคการส่งออกที่อาจจะยังชะลอตัวได้ ซึ่งทำให้ธนาคารเผฝ้าระวังในส่วนของดุลบัญชีการค้าที่มีโอกาสขาดดุลได้ เพราะการส่งออกเกิดการชะลอตัว แต่การนำเข้ายังคงมีมูลค่าที่สูงกว่า ซึ่งการที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้อย่างแข็งแกร่ง การส่งออกและการนำเข้าจะต้องสอดคล้องกัน เพื่อช่วยลดการขาดดุลการค้า ขณะเดียวกันเมื่อมองกลับมาที่ปัจจัยในประเทศยังคงมีแรงหนุนจากภาคท่องเที่ยวที่ยังเห็นทิศทางการปรับตัวดีขึ้น โดยที่ได้ปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 66 เพิ่มเป็น 25 ล้านคน จากเดิมที่ 15-20 ล้านคน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาเติมในช่วงครึ่งปีหลังราว 5 ล้านคน และคาดว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาหนาแน่นขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป ส่วนปัจจัยทางการเมืองหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 เดือนในการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะพร้อมทำงานอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. 66 […]
อ่านเพิ่มเติม »
ไทยนับหนึ่งการเจรจา FTA กับยูเออี มั่นใจช่วยสร้างแต้มต่อให้ประเทศ“จุรินทร์”เตรียมสร้างประวัติศาสตร์การค้าหน้าใหม่อีกครั้ง หลังนัดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกาศนับหนึ่งการเจรจา FTA ไทย-ยูเออี วันที่ 9 พ.ค.นี้ มั่นใจช่วยสร้างแต้มต่อให้กับประเทศไทย และเพิ่มประเทศที่ไทยมี FTA ไล่หลังเวียดนามอีกนิดเดียว
อ่านเพิ่มเติม »
เอ็กซิมแบงก์ เตรียมขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 17 เม.ย.66 เป็นต้นไปหลัง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ครั้งแรกปีนี้ เพื่อสกัดความรอนแรงของภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงสุดในรอบ 40 ปี คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) บ่ายวันที่
อ่านเพิ่มเติม »
เริ่มเลย 1 เม.ย.66 ธ.ก.ส.ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เงินกู้ทุกประเภทหลัง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ครั้งแรกปีนี้ เพื่อสกัดความร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงสุดในรอบ 40 ปีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) บ่ายวานนี้
อ่านเพิ่มเติม »