โบอิ้งจัดพิธีอำลา 'โบอิ้ง 747' หลังส่งมอบลำสุดท้ายในบ้านเกิด สหรัฐ เครื่องบิน โบอิ้ง โบอิ้ง747 อินโฟเควสท์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โบอิ้ง บริษัทผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐ ได้จัดพิธีอำลาเครื่องบินขนาดใหญ่ โบอิ้ง 747 ในเมืองเอเวอเรตต์ รัฐวอชิงตันของสหรัฐ เมื่อวันอังคาร ที่ผ่านมา
เครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำสุดท้ายซึ่งส่งมอบแก่สายการบินขนส่งสินค้า แอตลาส แอร์ จะเดินทางออกจากโรงงานโบอิ้ง เอเวอร์เรตต์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อการประกอบโบอิ้ง 747 โดยเฉพาะเมื่อปลายทศวรรษ 60 อนึ่ง โจ ซัทเทอร์ หัวหน้าวิศวกรผู้ล่วงลับของโครงการโบอิ้ง 747 ได้รับมอบหมายให้ออกแบบเครื่องบินรุ่นใหม่ในเดือนส.ค. 2508 โดยเครื่องบินทดสอบลำแรกออกจากโรงงานสร้างใหม่ในเดือนก.ย. 2511 และทำการบินเที่ยวแรกในเดือนก.พ. 2512 ก่อนมีการส่งมอบเครื่องบินลำแรกในวันที่ 22 ม.ค. 2513
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
อำลา “โบอิ้ง 747” ส่งมอบเครื่องบินลำสุดท้ายเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำสุดท้ายถูกส่งมอบให้สายการบินที่โรงงานของโบอิ้งเมื่อวันอังคาร โดยมีหลายพันคนร่วมพิธีอำลา “ราชินีแห่งท้องฟ้า” ที่เป็นตำนานของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมานานกว่า 50 ปี
อ่านเพิ่มเติม »
'ออเจ้า' รอรับยีลด์ 2.99% ต่อปี 1 มี.ค.หลัง Destiny Token ประกาศไถ่ถอนก่อนกำหนด : อินโฟเควสท์บริษัท สเปเชียล เดสทินี จำกัด แจ้งไปยังผู้ถือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนเดสทินีว่า บริษัทได้นำเงินจากการระดมทุนเข้าลงทุนในสัญญาร่วมลงทุนกับกับกิจการร่วมค้า เดสทินี เดอะ มูฟวี่ ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส ๒ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนจากการร่วมลงทุนและสิทธิ์ประโยชน์ต่างๆ เพื่อมามอบให้ผู้ถือโทเคนดิจิทัลครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว และภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส ๒ ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีรายงานรายได้จากเว็บไซต์ Thailand Box Office ทั้งสิ้น 392.73 ล้านบาท บริษัทขอแจ้งให้ผู้ถือโทเคนดิจิทัลทราบว่าบริษัทจะใช้สิทธิไถ่ถอนโทเคนดิจิทัลก่อนกำหนด ผู้ถือโทเคนดิจิทัลจะได้รับเงินร่วมลงทุนและผลตอบแทนจากการลงทุน 2.99% ต่อปี ของมูลค่าเงินลงทุน ในวันที่ 1 มี.ค. 66 ผ่านการโอนเข้าบัญชีธนาคารสำหรับรับผลตอบแทนที่ได้แจ้งไว้ในขั้นตอนการเปิดบัญชีและจองซื้อกับ บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด โดยระยะเวลาคำนวณผลตอบแทนระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.65 (วันเริ่มโครงการ)-1 มี.ค. 66 (วันสิ้นสุดโครงการ) รวมทั้งสิ้น 246 วัน และวันที่เงินลงทุนและผลตอบแทนจะเข้าบัญชีในวันที่ 1 มี.ค. 66 โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 […]
อ่านเพิ่มเติม »
สหรัฐนั่งแท่นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับหนึ่งของเยอรมนี 8 ปีซ้อน : อินโฟเควสท์สำนักงานสถิติของรัฐบาลเยอรมนี (FSO) เปิดเผยว่า สหรัฐเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญที่สุดสำหรับการส่งออกของเยอรมนีติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ในปี 2565 รายงานระบุว่า เยอรมนีส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.56 แสนล้านยูโร (1.6931 แสนล้านดอลลาร์) ในปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมที่ 1.22 แสนล้านยูโรในปี 2564 นางเมลานี โวเกลบาค กรรมการผู้จัดการฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศประจำสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเยอรมนี (DIHK) กล่าวว่า “สหรัฐเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญที่สุดสำหรับบริษัทเยอรมนีตั้งแต่ปี 2558” ทั้งนี้ นางโวเกลบาคกล่าวเสริมว่า บริษัทเยอรมนีส่งออกเครื่องจักร ยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ให้กับสหรัฐเป็นหลัก โดยผู้ส่งออกของเยอรมนีได้รับประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของสหรัฐในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์ติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานเริ่มกระเตื้องขึ้น โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
ผลสำรวจชี้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่คาดอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะลดลงในปีนี้ : อินโฟเควสท์ผลสำรวจที่เปิดเผยในวันนี้ (1 ก.พ.) ระบุว่า บรรดาเทรดเดอร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกแตะระดับสูงสุดแล้ว ขณะที่แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้กลายมาเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อตลาดต่าง ๆ ในปีนี้ เจพีมอร์แกนเปิดเผยผลสำรวจลูกค้าสถาบันและเทรดเดอร์ประจำปีพบว่า 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 835 รายคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงในปี 2566 และอีก 37% คาดการณ์ว่า การปรับตัวขึ้นของราคาจะชะลอลง เมื่อถามว่าปัจจัยใดที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดมากที่สุดในปีนี้ เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่ได้รับการสำรวจ ประมาณ 30% จากทั้งหมดระบุว่า พวกเขากังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากที่สุด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพียง 5% ของผู้ตอบแบบสำรวจแบบเดียวกันในปีที่แล้ว นายสกอตต์ วอคเกอร์ หัวหน้าฝ่ายขายอีคอมเมิร์ซสำหรับตราสารหนี้ สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ (FICC) ของเจพีมอร์แกนกล่าวว่า “ภาวะเงินเฟ้อเป็นความวิตกอันดับหนึ่งในตลาดมาสักพักแล้ว และสิ่งที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่กังวลก็คือ อัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อ และธนาคารกลางได้ดำเนินการมากเกินไปแล้วหรือไม่ในความพยายามที่จะชะลอการปรับขึ้นของราคา” ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันอย่างมากว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.5%-4.75% ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุดซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันนี้ (1 ก.พ.) โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. […]
อ่านเพิ่มเติม »
FSS พุ่งชนซีลลิ่ง 29.70% นำกลุ่มโบรกฯดีดขึ้นยกแผงลุ้นเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น : อินโฟเควสท์กลุ่มหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ดีดตัวขึ้นแรงด้วยวอล่มเทรดคึกคักตอบรับโอกาสเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น เมื่อเวลา 11.23 น.นำโดย FSS พุ่ง 29.70% หรือ 0.98 บาท มาที่ 4.28 บาท มูลค่าซื้อขาย 177.63 ล้านบาท FNS พุ่ง 19.89% หรือ 0.70 บาท มาที่ 4.22 บาท มูลค่าซื้อขาย 100.22 ล้านบาท GBX พุ่ง 17.58% หรือ 0.16 บาท มาที่ 1.07 บาท มูลค่าซื้อขาย 58.58ล้านบาท TNITY พุ่ง 11.49% หรือ 0.85 บาทมาที่ 8.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 80.37 ล้านบาท UOBKH พุ่ง 9.26% หรือ 0.50 […]
อ่านเพิ่มเติม »
ฟิลิปปินส์เผชิญวิกฤตหัวหอมขาดตลาด ราคาพุ่งแรงแพงกว่าเนื้อสัตว์ : อินโฟเควสท์สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์รายงานว่า ฟิลิปปินส์กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนหัวหอมอย่างรุนแรง ส่งผลให้ราคาหัวหอมพุ่งขึ้นสูงถึง 700 เปโซต่อกิโลกรัม (12.80 ดอลลาร์) หรือประมาณ 421.22 บาทในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ราคาหัวหอมในฟิลิปปินส์ขณะนี้สูงกว่าราคาเนื้อสัตว์ และสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำรายวันของประเทศ ซึ่งบ่งชี้ว่าฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพอย่างหนัก ริซาลดา มอเนส หญิงชาวฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านพิซซ่าในเมืองเซบูเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวบีบีซีว่า “ร้านอาหารทุกแห่งในฟิลิปปินส์ติดป้ายแจ้งให้ลูกค้าทราบว่า ‘ร้านนี้ไม่มีหัวหอมเป็นเครื่องเคียง’ เมื่อก่อนเราเคยซื้อหัวหอมแดงได้วันละ 3-4 กิโลกรัม แต่ตอนนี้เราซื้อได้แค่วันละครึ่งกิโลกรัมเท่านั้น ลูกค้าของเราก็เข้าใจดี เพราะเรื่องนี้ไม่ได้กระทบแค่ในร้านอาหารเท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงภาคครัวเรือนที่เผชิญกับความยากลำบากในการหาหัวหอมมาเป็นเครื่องปรุงในอาหาร” สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หัวหอมซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหารของชาวฟิลิปปินส์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 14 ปีในเดือนธ.ค. เนื่องจากราคาสินค้าทุกประเภทปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่อาหารไปจนถึงเชื้อเพลิง ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรด้วยนั้นระบุว่า การพุ่งขึ้นของราคาอาหารถือเป็น “สถานการณ์ฉุกเฉิน” และในช่วงต้นเดือนม.ค. ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ ได้อนุมัติการนำเข้าหัวหอมแดงและหัวหอมเหลือง (หัวหอมใหญ่) เพื่อเพิ่มปริมาณสินค้าดังกล่าวในตลาด นิโคลาส มาปา นักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็นจี แบงก์กล่าวว่า การเปิดประเทศของฟิลิปปินส์ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อุปสงค์พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ สภาพอากาศที่เลวร้ายยังส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหาร “ย้อนไปในเดือนส.ค.ปีที่แล้ว กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะขาดคลนหัวหอม และจากนั้นต่อมาไม่กี่เดือน ฟิลิปปินส์ก็ถูกกระทบจากพายุโหมกระหน่ำ […]
อ่านเพิ่มเติม »