รัฐบาลยืนยันผู้ป่วย บัตรทอง ในพื้นที่ น้ำท่วม รักษาได้ทุกรพ.-ไม่มีค่าใช้จ่าย อินโฟเควสท์
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับส่วนราชการเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและให้ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
สำหรับการดูแลสุขภาพประชาชน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม มีการจัดระบบให้สามารถรับการรักษาต่อเนื่อง ซึ่งผู้ป่วยสามารถใช้บริการที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลที่ไม่ใช่หน่วยบริการตามสิทธิได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งทางหน่วยบริการจะเบิกค่าใช้จ่ายจาก สปสช. ตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับแนวทางการดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่น้ำท่วม 1.เจ็บป่วยเข้ารักษาที่ไหนก็ได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย 2.ประสานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นของ อบต. เทศบาล รับส่งผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาต่อเนื่อง 3.จัดส่งน้ำยาล้างไตผ่านไปรษณีย์ไทยให้ผู้ป่วยถึงบ้านได้ตามปกติ 4.กรณีฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม จัดระบบเฝ้าระวัง เตรียมโรงพยาบาลสำรอง
ทั้งนี้ ผู้ป่วยฉายแสง ไตวายเรื้อรัง ต้องการการรักษาต่อเนื่องหรือต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อสายด่วน สปสช. โทร.1330 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสอบถามเพิ่มเติมผ่าน ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
รายงานประชุมชี้เฟดวิตกเงินเฟ้อสูง ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง : อินโฟเควสท์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมเดือนก.ย.บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดเห็นพ้องกันว่า เฟดจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อ และมีเจ้าหน้าที่เฟดจำนวนมากที่เน้นย้ำว่า เฟดยังดำเนินการน้อยเกินไปในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อ ในการประชุมเมื่อวันที่ 20-21 ก.ย.ที่ผ่านมา เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันเพื่อพยายามลดเงินเฟ้อลงจากระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดยืนยันหลังการประชุมว่า เฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายในการควบคุมเงินเฟ้อ รายงานการประชุมเฟดที่เปิดเผยในวันพุธ (12 ต.ค.) ยังบ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายเห็นพ้องถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ และจะยังคงดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น พร้อมทั้งได้เน้นย้ำว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นได้แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงที่จะยุติการคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วเกินไป โดยการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง แม้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงถึง 0.75% ในการประชุม 3 ครั้งที่ผ่านมาในเดือนมิ.ย., ก.ค. และก.ย. และตลาดแรงงานก็ยังคงปรับตัวแข็งแกร่ง ขณะที่ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ในการประชุมเมื่อเดือนที่แล้วว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.25-4.50% ภายในสิ้นปีนี้ และจะอยู่ที่ 4.50-4.75% ภายในสิ้นปีหน้า ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.00-3.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟด …
อ่านเพิ่มเติม »
พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ หนุนรัฐบาลดิจิทัลมีผลบังคับใช้แล้ว : อินโฟเควสท์น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศเผยแพร่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565 ซึ่งจะเป็นกฎหมายกลางว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่งเสริมให้การทำงาน การให้บริการของภาครัฐสามารถใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักได้สนับสนุนการก้าวเป็นรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นไปตามการปฏิรูปประเทศด้านการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินที่ให้มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อบริการสาธารณะและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน โดย พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ จะใช้บังคับแก่หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยที่ไม่ใช่หน่วยงานในฝ่ายนิติบัญญัติ ตุลาการ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอัยการ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่หากจะใช้บังคับกับหน่วยงานดังกล่าวจะต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และจะใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่มาตรา 12 มาตรา 15 วรรคสอง มาตรา 19 และมาตรา 22 ที่ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ตั้งแต่ 13 ต.ค.65 เป็นต้นไป) น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้จะกำหนดให้หน่วยงานรัฐที่อยู่ภายใต้บังคับต้องมีช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ในการติดต่อสื่อสารทั้งระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกัน ระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ และผู้ประกอบการกับหน่วยงานรัฐ กำหนดวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งมาตรฐานข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับภาครัฐเพื่อให้เชื่อมโยงข้อมูลและสามารถบริการประชาชนได้โดยสะดวกและปลอดภัย โดยสาระสำคัญจะอยู่ในมาตรา 7 ที่กำหนดให้การใดๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ประชาชน หรือผู้ประกอบธุรกิจต้องยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานต่างๆ โดยต้องยื่นเอกสารหลักฐานหรือสำเนาเอกสารประกอบคำขออนุญาต ผู้ขออนุญาตสามารถเลือกยื่นเอกสารโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ และให้ถือว่าเป็นการยื่นเอกสารโดยชอบแล้วเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจะปฏิเสธไม่รับคำขอดังกล่าวเพราะเหตุการยื่นขออนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า …
อ่านเพิ่มเติม »
สมาชิกยูเอ็นลงมติท่วมท้นประณามรัสเซียผนวก 4 แคว้นยูเครน ขณะจีนงดออกเสียง : อินโฟเควสท์สมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly – UNGA) ลงมติอย่างท่วมท้นในวันพุธ (12 ต.ค.) เพื่อประณามความพยายามของรัสเซียในการผนวกดินแดน 4 แคว้นของยูเครนอย่างผิดกฎหมาย และได้เรียกร้องทุกประเทศไม่ให้รับรองความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัสเซีย ซึ่งเป็นการเพิ่มมาตรการโดดเดี่ยวทางการทูตต่อรัสเซียนับตั้งแต่บุกเข้ารุกรานยูเครน สมาชิก UNGA ราว 75% หรือ 143 ชาติจากทั้งหมด 193 ประเทศนั้น ได้โหวตสนับสนุนมติที่ยืนยันถึงอำนาจอธิปไตย, เอกราช, เอกภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนภายในพรมแดนที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา รัสเซียได้ประกาศผนวกดินแดน 4 แคว้นของยูเครนได้แก่ โดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย หลังจากเสร็จสิ้นการลงประชามติ ขณะที่ยูเครนและประเทศพันธมิตรต่างประณามการทำประชามติดังกล่าวว่าผิดกฎหมายและเป็นการบีบบังคับ นายเซอร์กีย์ คิสลิตสยา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำยูเอ็นกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผลการลงมตินั้น “น่าทึ่งมาก” ขณะที่เขายืนอยู่ข้างนางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น ซึ่งกล่าวว่า ผลการลงมติแสดงให้เห็นว่า รัสเซียไม่สามารถที่จะข่มขู่โลกได้ ทั้งนี้ มีเพียง 4 ประเทศเท่านั้นที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านมติดังกล่าวของยูเอ็นซึ่งได้แก่ ซีเรีย, …
อ่านเพิ่มเติม »
บริษัทเวชภัณฑ์อินเดียถูกสั่งระงับการผลิต หลังพบยาแก้ไอทำเด็กตายในแกมเบีย : อินโฟเควสท์นายเอนิล วิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรัฐหรยาณาทางตอนเหนือของอินเดียเปิดเผยในวันพุธ (12 ต.ค.) ว่า เมเดน ฟาร์มาซูติคอลส์ (Maiden Pharmaceuticals) บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติอินเดีย ซึ่งผลิตยาแก้ไอที่มีข้อบกพร่องจนทำให้เด็กในประเทศแกมเบียเสียชีวิตกว่า 60 รายนั้น ได้ถูกสั่งให้หยุดการผลิตยาทั้งหมดแล้วโดยมีผลบังคับใช้ทันที นายวิจกล่าวว่า หน่วยงานด้านยาของรัฐบาลกลางและรัฐหรยาณาได้ดำเนินการตรวจสอบยาของบริษัทเมเดน ฟาร์มาซูติคอลส์ในเขตโสนิพัทของรัฐหรยาณา และพบข้อบกพร่องมากถึง 12 รายการ จึงนำไปสู่การออกคำสั่งให้บริษัทดังกล่าวหยุดการผลิตทั้งหมด สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทเมเดน ฟาร์มาซูติคอลส์ ได้ส่งออกยาแก้ไอหลายประเภทไปยังประเทศแกมเบียซึ่งมีรายงานพบทารกเสียชีวิต ซึ่งต่อมาองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ยาแก้ไอเหล่านั้น พร้อมระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างยาแก้ไอของเมเดนฯ จำนวน 4 ชนิด กับการเสียชีวิตของเด็กในแกมเบีย ทั้งนี้ ยาแก้ไอทั้ง 4 ชนิดข้างต้นได้แก่ โปรเมทาซีน ออรัล โซลูชัน (Promethazine Oral Solution), โคเฟกมาลิน เบบี คอฟ ไซรัป (Kofexmalin Baby Cough Syrup), มาคอฟ เบบี้ คอฟ …
อ่านเพิ่มเติม »
นายกฯ นำคณะติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและให้กำลังใจผู้ประสบภัยริมเจ้าพระยา : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมเยี่ยมเยียนประชาชนในชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงและมีน้ำท่วมขังบริเวณวัดแสงสิริธรรม ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมว.กลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเดินทางลงพื้นที่ด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปจากอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดนนทบุรีถึงเส้นทางน้ำ ปัญหาภาพรวมในจังหวัดนนทบุรี โดยพื้นที่ประสบสาธารณภัยเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี รวม 5 อำเภอ 42 ตำบล 268 หมู่บ้าน 65 ชุมชน รวม 110,562 ครัวเรือน มีการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมหรือเขื่อนป้องกันตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตจังหวัดนนทบุรีไปแล้วรวมระยะ 16,569 เมตร (28.57%) ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดูแลช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย …
อ่านเพิ่มเติม »
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศให้การเช่าซื้อรถยนต์-จยย.เป็นธุรกิจควบคุมสัญญา : อินโฟเควสท์เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2565 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2541 ประกอบกับมาตรา 3 มาตรา 4 และมาตรา 5 แห่ง พ.ร.ฎ.กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและลักษณะของสัญญา พ.ศ.2542 โดยจะมีผลบังคับใช้หลังพ้นกำหนด 90 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (12 ต.ค.65) เป็นต้นไป โดยประกาศดังกล่าวมีสาระสำคัญ ได้แก่ 1.การกำหนดสินเชื่อเช่าซื้อในลักษณะของการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวดตามกลไกตลาด โดยคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี กรณีรถยนต์ใหม่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละสิบต่อปี กรณีรถยนต์ใช้แล้วต้องไม่เกินอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี กรณีรถจักรยานยนต์ต้องไม่เกินอัตราร้อยละยี่สิบสามต่อปี ทั้งนี้ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาอาจปรับเปลี่ยนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศในทุกสามปี 2.กรณีผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อรายงวดสามงวดติดๆ กัน และผู้ให้เช่าซื้อมีหนังสือบอกกล่าวผู้เช่าซื้อให้ใช้ค่าเช่าซื้อรายงวดที่ค้างชำระนั้นภายในเวลาอย่างน้อย 30 วันนับแต่วันที่ผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือและผู้เช่าซื้อละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามหนังสือบอกกล่าวนั้น ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้ 3.ก่อนนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ออกขายโดยวิธีประมูลหรือวิธีขายทอดตลาดที่เหมาะสม ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน (ถ้ามี) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อให้ผู้เช่าซื้อใช้สิทธิซื้อก่อนภายในระยะเวลา 20 วัน ได้ตามมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน (ถ้ามี) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนวันประมูลหรือวันขายทอดตลาด …
อ่านเพิ่มเติม »