ปากีสถานตั้งเป้าจีดีพีโต 3.5% ในปีงบประมาณ 66-67 หวังเงินช่วยเหลือจาก IMF : อินโฟเควสท์

ประเทศไทย ข่าว ข่าว

ปากีสถานตั้งเป้าจีดีพีโต 3.5% ในปีงบประมาณ 66-67 หวังเงินช่วยเหลือจาก IMF : อินโฟเควสท์
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด,ประเทศไทย หัวข้อข่าว
  • 📰 InfoQuestNews
  • ⏱ Reading Time:
  • 34 sec. here
  • 2 min. at publisher
  • 📊 Quality Score:
  • News: 17%
  • Publisher: 68%

ปากีสถาน ตั้งเป้าจีดีพีโต 3.5% ในปีงบประมาณ 66-67 หวังเงินช่วยเหลือจาก IMF เศรษฐกิจปากีสถาน อินโฟเควสท์

นายอิสฮัค ดาร์ รัฐมนตรีคลังของปากีสถานเปิดเผยในวันนี้ ว่า การคาดการณ์ในงบประมาณของรัฐบาลว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.5% ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมิ.ย. 2567 นั้น เป็นเป้าหมายที่เป็นจริง

นายดาร์เปิดเผยในการแถลงข่าวในกรุงอิสลามาบัดหลังเปิดเผยงบประมาณปี 2566-2567 ว่า เป้าหมายดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำของกรอบคาดการณ์ ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้จับตางบประมาณของปากีสถานอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปากีสถานต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินจาก IMF ขณะที่เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและดุลการชำระเงิน ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมิ.ย.นี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ของปากีสถานคาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.29% และคาดว่ายอดขาดดุลการคลังในปีงบประมาณใหม่จะอยู่ที่ 6.54% ของ GDP

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปากีสถานเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจหลายรอบ หลังจากเงินช่วยเหลือจาก IMF หยุดชะงัก ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า IMF ไม่มีแนวโน้มที่จะพอใจกับการกำหนดงบประมาณของปากีสถาน

เราได้สรุปข่าวนี้มาให้อ่านอย่างรวดเร็ว หากสนใจข่าว สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม:

InfoQuestNews /  🏆 7. in TH

ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว

Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้

NNCL เจรจาจีนร่วมทุนขยายนิคมฯคาดชัดเจนปลายปีนี้ เร่ง COD โรงไฟฟ้า 30MW ต้นปี 67 : อินโฟเควสท์NNCL เจรจาจีนร่วมทุนขยายนิคมฯคาดชัดเจนปลายปีนี้ เร่ง COD โรงไฟฟ้า 30MW ต้นปี 67 : อินโฟเควสท์นายสุทธิพล จันทวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นวนคร (NNCL) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทมีโครงการอยู่ในไปป์ไลน์ไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ นอกจากนี้ยังมีการติดต่อเจรจาในการร่วมขยายธุรกิจการทำนิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่ Strategic location เช่นพื้นที่จุดสำคัญในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้จากการขยายตัวจากธุรกิจอุตสหกรรมในประเทศจีน ซึ่งมีความสนใจเข้ามาร่วมธุรกิจกับบริษัทอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรม warehouse หรือโรงงานสำเร็จรูป โดยธุรกิจจากจีนส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับฐานลูกค้าที่พร้อมจะขยายฐานมาลงทุนที่ประเทศไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ EV เป็นการติดต่อในลักษณะร่วมค้าค่อนข้างมาก บริษัทมีความมั่นใจว่าในปลายปีนี้จะมีความชัดเจนเรื่องของการเจรจามากขึ้น ความคืบหน้าโครงการจัดตั้งสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง OR ภายในโครงการเขตอุตสหกรรมฯนวนคร นครราชสีมา ซึ่งเป็นโครงการที่จะเชื่อมต่อระหว่างโซนอุตสาหกรรมและโซนที่อยู่อาศัย อยู่ระหว่างการพิจารณาแบบร่างแผนผังสถานีบริการฯ (Layout) โดยโครงการดังกล่าวเป็นโอกาสในการขยายขอบข่ายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯให้มีความหลากหลาย เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการสร้างเมือง Smart City บูรณาการที่สมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามโครงการโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น ขนาดประมาณ 30 เมกะวัตต์ อยู่ในระหว่างการขอใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เครื่องจักรของโรงไฟฟ้าอยู่ระหว่างขนส่งจากประเทศมาเลเซีย จีน และญี่ปุ่น คาดการณ์จะเริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD)ได้ในช่วงเดือนมกราคม 2567 “มีความมั่นใจว่าตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ผลกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าจะดีขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเรื่องต้นทุนพลังงานที่มีความผันผวนพอสมควร รวมทั้งนโยบายของต่างประเทศและในประเทศที่ต้องรอความชัดเจนในหลายส่วน แต่ด้วยเศรษฐกิจในอนาคตที่เป็น Digital […]
อ่านเพิ่มเติม »

PTT ร่วมทุน CATL ตั้งรง.แบตเตอรี่ EV วงเงิน 3.6 พันลบ.เริ่มผลิตปี 67 : อินโฟเควสท์PTT ร่วมทุน CATL ตั้งรง.แบตเตอรี่ EV วงเงิน 3.6 พันลบ.เริ่มผลิตปี 67 : อินโฟเควสท์บมจ.ปตท. (PTT) โดยอรุณพลัส บรรลุข้อตกลงร่วมจัดตั้งโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Cell-To-Pack (CTP) ในประเทศไทย กับบริษัท Contemporary Amperex Technology Co., Limited (CATL) พร้อมเดินหน้าผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อเสริมศักยภาพด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ภายใต้กรอบการลงทุนกว่า 3,600 ล้านบาท โดยโรงงานดังกล่าวจะพร้อมเดินสายการผลิตภายในปี 2567 ด้วยกำลังการผลิต 6 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus)บริษัทในกลุ่ม PTT กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง Arun Plus กับ CATL ในครั้งนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจแบตเตอรี่อย่างครบวงจรในอนาคต ด้วย CATL เป็นบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจแบตเตอรี่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Battery Value chain) ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิตแบตเตอรี่ ไปจนถึงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ตลอดจนธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้ง […]
อ่านเพิ่มเติม »

Binance เตือนระวังสแกมเมอร์สวมรอย Gulf Binance หลอกร่วมลงทุน ย้ำเปิดบริการจริง Q4/66 : อินโฟเควสท์Binance เตือนระวังสแกมเมอร์สวมรอย Gulf Binance หลอกร่วมลงทุน ย้ำเปิดบริการจริง Q4/66 : อินโฟเควสท์ไบแนนซ์ (BINANCE) เผยว่า ในโลกที่คนส่วนใหญ่สามารถสร้างโปรไฟล์โซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว จึงไม่น่าแปลกใจหากจะเจอแอคเคาท์ปลอมของบุคคลหรือองค์กรที่เป็นที่รู้จักตามหน้าโซเชียลมีเดีย คอมเมนท์ตามโพสต์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งในแอปพลิเคชันแชท อย่าง Telegram ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว องค์กรต่างๆ ไม่สามารถควมคุมแอคเคาท์ปลอมบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเหล่านี้ได้ จึงทำให้เหล่าผู้ไม่หวังดีสามารถสร้างแอคเคาท์ปลอมขึ้นมาใหม่ได้อย่างง่ายดายในเวลาแค่ไม่กี่วินาที แม้ว่าองค์กรต่างๆ จะพยายามอย่างหนักที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นไปที่ผู้ผลิตแพลตฟอร์มโดยตรงก็ตาม บทความของ Binance ชิ้นนี้ จึงมุ่งเน้นไปที่การปกป้องผู้ใช้จากการตกเป็นเหยื่อของสแกมเมอร์ที่แอบอ้างเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อหลอกให้ผู้ใช้โอนเงินหรือแชร์ข้อมูลส่วนตัว โดยสแกมเมอร์เหล่านี้มักจะสร้างเรื่องเท็จที่อ้างอิงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน พร้อมเชื่อมโยงกับบริบททางสังคมที่หลากหลาย โดยพวกเขาอาจจะติดต่อเหยื่อผ่านทางโทรศัพท์ การส่งข้อความ หรืออีเมล หรือแม้กระทั่งตั้งคอลเซ็นเตอร์ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์เพื่อเพิ่มความสมจริงและทำให้ดูเหมือนเป็นองค์กรที่ถูกต้องตามกฏหมาย สำหรับประเทศไทย การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตหรือสแกมนั้นเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง โดยมีรายงานว่ามีเหยื่อได้รับความเสียหายจากการถูกโจรกรรมคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 31,580 ล้านบาทภายในหนี่งปี ทั้งนี้ การหลอกลวงโดยแอบอ้างชื่อองค์กรบนแพตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook ได้เกิดขึ้นกับ Gulf Binance ด้วยเช่นกัน ภายหลังจากที่บริษัทร่วมทุนระหว่าง Binance และ Gulf ได้รับใบอนุญาตผู้ประกอบกิจการสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลังของประเทศไทย ผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตัวแทนจาก Gulf Binance กล่าวว่า “บริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมศูนย์ซื้อขายและนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อให้เป็นไปตามกำหนดการที่จะเปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยในปัจจุบัน […]
อ่านเพิ่มเติม »

APCO ส่งซิก Q2/66 โตต่อเนื่อง รุกตลาดจีนชูนวัตกรรมรักษา HIV/AIDS ย้ำเป้าโต 30-50% : อินโฟเควสท์APCO ส่งซิก Q2/66 โตต่อเนื่อง รุกตลาดจีนชูนวัตกรรมรักษา HIV/AIDS ย้ำเป้าโต 30-50% : อินโฟเควสท์นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) ระบุว่าแนวโน้มไตรมาส 2/66 บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งนวัตกรรมย้อนวัย ชะลอวัย, ภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง และโครงการ Bye Bye HIV/AIDS ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30-50% จากปีก่อนมีรายได้ 265 ล้านบาท จากความสำเร็จของโครงการ Bye Bye HIV/AIDS เป็นครั้งแรกโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัสก่อนนักวิทยาศาสตร์อื่นทั่วโลก โดยปัจจุบัน APCO สามารถทำให้ผู้ติดเชื้อ Bye Bye HIV แล้ว 33 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแนวทางสร้างประวัติศาสตร์การรักษา HIV/AIDS เป็นครั้งแรกด้วยนวัตกรรมแห่งชาติไทย จึงได้วางแผนขยายฐานไปสู่ผู้ติดเชื้อทั่วโลก โดยเริ่มจากประเทศจีน เนื่องจากจีนมีผู้ติดเชื้อในปี 65 ที่สามารถระบุได้สูงถึง 1.61 ล้านคน อัตราการเสียชีวิต 28.9% มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่มีผู้ยอมรับยาต้านจากรัฐบาลน้อยลงทุกปี จากผลข้างเคียงยา เงื่อนไขการรับยาที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สบายใจ รวมทั้งการรักษาจากทางอื่นมีประสิทธิภาพมากกว่า บริษัทได้วางแผนโครงการ โดยได้รับความร่วมมือจากประเทศจีนในการนำผู้ติดเชื้อเข้ามารับการรักษากับบริษัทในไทย […]
อ่านเพิ่มเติม »

ERW บวกเล็กน้อยรับค่าห้องเม.ย.-พ.ค.โตเด่นแม้โลว์ซีซั่น-คาดนทท.จีนเร่งตัวขึ้น H2/66 : อินโฟเควสท์ERW บวกเล็กน้อยรับค่าห้องเม.ย.-พ.ค.โตเด่นแม้โลว์ซีซั่น-คาดนทท.จีนเร่งตัวขึ้น H2/66 : อินโฟเควสท์ERW บวก 0.91% หรือเพิ่มขึ้น 0.04 บาท มาที่ 4.44 บาท มูลค่าซื้อขาย 4.74 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.04 น.จากราคาเปิด 4.44 บาท ราคาสูงสุด 4.46 บาท ราคาต่ำสุด 4.42 บาท บล.ดาโอ (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) และราคาเป้าหมายปี 2023E ที่ 6.00 บาท อิง DCF (WACC 7.6%, terminal growth 2.5%) โดยจากการอัพเดทกับทางบริษัท มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อธุรกิจในเดือน เม.ย.-พ.ค. 66 แม้ว่าจะเป็นช่วง Low season เพราะยังมี pent-up demand อยู่ โดยภาพรวม […]
อ่านเพิ่มเติม »

SCB EIC มองตลาดบ้านปี 66 ฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป ดอกเบี้ย-เงินเฟ้อฉุดกำลังซื้อ : อินโฟเควสท์SCB EIC มองตลาดบ้านปี 66 ฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป ดอกเบี้ย-เงินเฟ้อฉุดกำลังซื้อ : อินโฟเควสท์ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปี 66 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อจากทั้งในประเทศ และต่างชาติ โดยหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปี 66 มีแนวโน้มขยายตัวราว 1-6%YOY อยู่ที่ระดับราว 397,000-418,000 หน่วย ส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปี 66 มีแนวโน้มขยายตัวราว 2-7% YOY อยู่ที่ระดับราว 1.09-1.14 ล้านล้านบาท โดยอัตราการขยายตัวในปี 66 แม้ว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า โดยตลาดแนวราบกลุ่มบ้านเดี่ยวบ้านแฝดยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี กลุ่มทาวน์เฮาส์คาดว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากที่หดตัวมากในปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดคอนโดจะขยายตัวได้มากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดระดับบน สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยมือสองยังมีแนวโน้มได้รับความนิยมต่อเนื่อง หลังจากที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากเงินเฟ้อ และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะทำให้การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้จำเป็นต้องกลับมาติดตามสถานการณ์หน่วยเหลือขายสะสม ที่มีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง นอกจากนี้ ต้นทุนก่อสร้างที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จะยังเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อ และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อการฟื้นตัวของกำลังซื้อให้เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะกำลังซื้อในกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่าง ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นอีกปัจจัยที่ยังคงกดดันสถานการณ์ด้านกำลังซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทางการเงิน ต้นทุนก่อสร้างที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากทั้งราคาที่ดิน รวมถึงค่าแรงงานที่มีแนวโน้มปรับขึ้น […]
อ่านเพิ่มเติม »



Render Time: 2025-04-08 09:11:44