ทอง ปิดพุ่ง $10.2 ดอลล์อ่อน-บอนด์ยีลด์ร่วงหนุนแรงซื้อ COMEX ราคาทอง ราคาทองคำ อินโฟเควสท์
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 1,826 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 44.8 ดอลลาร์ หรือ 4.39% ปิดที่ 1,065 ดอลลาร์/ออนซ์ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.59% แตะที่ 103.8610 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลง 0.22% สู่ระดับ 3.
การอ่อนค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ฟิลลิป สไตร์เบิล นักวิเคราะห์จากบริษัทบลูไลน์ ฟิวเจอร์ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า การปรับตัวลงของดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ มีขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มคลายความร้อนแรงและอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย
สไตร์เบิลคาดการณ์ว่า แนวรับของสัญญาทองคำจะอยู่ที่ระดับ 1,700 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และคาดว่าสัญญาทองคำจะเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยที่ระดับ 1,950 ดอลลาร์ในปี 2566 ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 225,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 41,000 ราย สู่ระดับ 1.710 ล้านราย
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ทองปิดพุ่ง $18.9 ดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ : อินโฟเควสท์สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันอังคาร (27 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังจากจีนประกาศเปิดประเทศเร็วกว่าคาดทั้งขาเข้าและขาออกในเดือนม.ค.ปีหน้า ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ๆ เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และหันเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากจีนประกาศเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออก โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของจีนแถลงว่า จีนจะกลับมาดำเนินการออกวีซ่าให้กับชาวจีนที่อาศัยในแผ่นดินใหญ่สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 ทางด้านคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงว่า จีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 หลังจากที่มีการบังคับใช้มานาน 3 ปีเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.17% แตะที่ระดับ 104.1510 เมื่อคืนนี้ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ธ.ค. 65) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
เงินบาทเปิด 34.63 ทรงตัวจากวานนี้ จับตาทิศทาง Flow ไหลเข้าตลาดหุ้น-พันธบัตร : อินโฟเควสท์นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัวในระดับเดียวกับปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ 34.63 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยจากกรณีที่จีนมีมาตรการเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อไทยในระยะกลางและระยะยาว แต่ตลาดยังมีความกังวลที่โรคโควิด-19 จะกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งหากไม่มีมาตรการป้องกันที่รัดกุม ขณะที่ตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย.และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน พ.ย.ออกมาแย่กว่าคาด “ตลาดน่าจะย่อยข่าวเรื่องการเปิดประเทศของจีน แต่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาเมื่อวานนี้แย่กว่าคาดส่งผลให้บาททรงตัว” นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.50 – 34.80 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้คงต้องจับตาดู Flow การลงทุนของต่างชาติทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรจากมาตรการเปิดประเทศของจีน โดยเมื่อวานนี้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนทั้งสองตลาดๆ ละ 4 พันล้านบาท THAI BAHT FIX 3M (27 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.29927% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.73475% ปัจจัยสำคัญ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ธ.ค. 65) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบเป็นส่วนใหญ่ นลท.วิตกเศรษฐกิจปีหน้า : อินโฟเควสท์ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลดลงเมื่อวันอังคาร (27 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนประเมินอุปสรรคต่าง ๆ ที่มีต่อเศรษฐกิจในปี 2566 ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,309.34 จุด ลดลง 138.53 จุด หรือ -0.52%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,787.94 จุด เพิ่มขึ้น 194.88 จุด หรือ +0.99% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,088.62 จุด ลดลง 6.95 จุด หรือ -0.22% เงินหยวนออฟชอร์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย และสุดท้ายเคลื่อนไหวที่ 6.9653 หยวนต่อดอลลาร์ หลังจีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางขาเข้าเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดพรมแดนเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผยแพร่สรุปรายงานการประชุมนโยบายที่จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ BOJ ขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแบบไม่คาดคิด สำนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า เทสลาได้ขยายเวลาระงับการผลิตรถยนต์ที่โรงงานในนครเซี่ยงไฮ้ โดยเทสลาประกาศระงับการผลิตในวันเสาร์ที่ […]
อ่านเพิ่มเติม »
Crypto VS แชร์ลูกโซ่ ความเหมือนที่แตกต่าง : อินโฟเควสท์Crypto Meetup Thailand อีกหนึ่งกิจกรรมของชาวคริปโทฯ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน นำเสนอมุมมองเรื่อง “Crypto กับ แชร์ลูกโซ่ มีสิ่งที่เหมือนกัน อย่างที่เราไม่คาดคิด!!” แน่นอนหากพูดถึง Cryptocurrency หรือว่าสินทรัพย์ดิจิทัล ทุกคนรู้ว่า คริปโทฯ เป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน อันเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้าเปลี่ยนแปลงโลก ต่อจากยุคของอินเทอร์เน็ต แต่จากที่ผ่านมา มักเห็นว่ามีโครงการมากมายที่เริ่มต้นมาก็ทรงดี แต่พอนานไปโปรเจ็คต์ก็เริ่มมีปัญหา ถ้าไม่เป็น Scam ก็โดน Hack หรือกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะความผิดพลาดในโปรเจ็คต์และเหตุการณ์เชิงลบต่าง ๆ ทำให้ผู้คนในอุตสาหกรรม ทั้งนักลงทุน นักพัฒนา (Developer) หรือแม้แต่กองทุนต่าง ๆ ทยอยหมดความเชื่อมั่น ในสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมกับตั้งคำถามว่า Cryptocurrency จะกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือว่าจะเหมือนกับแชร์ลูกโซ่หรือไม่!? Cryptocurrency คลื่นลูกใหม่ที่เข้ามาปฏิวัติวิธีการคิดและวิธีการใช้เงิน ประกอบกับลักษณะการกระจายอำนาจ (Decentralized) และการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มีศักยภาพเพิ่มการเข้าถึงทางการเงิน ลดต้นทุนการทำธุรกรรม และให้ความปลอดภัยและความโปร่งใสที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าไม่ใช่ทุกโปรเจ็คต์ที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency จะผิดกฎหมาย เพราะในอุตสาหกรรมอื่น ๆ […]
อ่านเพิ่มเติม »
น้ำมัน WTI ปิดลบ 3 เซนต์ หลังโรงกลั่นสหรัฐเริ่มกลับมาดำเนินงาน : อินโฟเควสท์สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยในวันอังคาร (27 ธ.ค.) หลังมีรายงานว่าโรงกลั่นน้ำมันบางส่วนในสหรัฐเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากที่ปิดทำการไปก่อนหน้านี้เนื่องจากผลกระทบของพายุหิมะ โดยข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวจีนเปิดประเทศ ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน ในระหว่างวัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 80 ดอลลาร์ ขานรับข่าวจีนประกาศเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออก โดยจีนจะกลับมาดำเนินการออกวีซ่าให้กับชาวจีนที่อาศัยในแผ่นดินใหญ่สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 และจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 หลังจากที่มีการบังคับใช้มานาน 3 ปีเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ จีนจะผ่อนคลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับโควิด-19 สู่ระดับ Category B จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ Category A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงในเวลาต่อมา หลังมีรายงานว่าโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้งและยกระดับการผลิต หลังจากที่ก่อนหน้านี้โรงกลั่นต้องปิดการดำเนินงานเนื่องจากอิทธิพลของพายุหิมะทำให้อุณหภูมิลดลงต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าของโรงกลั่นน้ำมันในเขตกัลฟ์โคสต์ สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดที่มีผลต่อตลาดน้ำมันนั้น ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีกาห้ามการจัดส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันให้แก่ชาติที่เข้าร่วมในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2566 ถึงวันที่ 1 ก.ค.2566 […]
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับความหวังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว : อินโฟเควสท์ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (27 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ลงอีก ส่วนตลาดหุ้นอังกฤษยังคงปิดทำการวันอังคาร (27 ธ.ค.) เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นขานรับจีนเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (26 ธ.ค.) ว่า จะยกเลิกการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งเป็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่ดำเนินมานาน 3 ปี การเปิดประเทศของจีน และการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่เป็นไปตามคาดของสหรัฐช่วยหนุนตลาดด้วย หุ้นของบรรดาบริษัทสินค้าหรูหราที่พึ่งพาตลาดจีนปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า อาทิ หุ้นหลุยส์วิตตอง, หุ้นเคอริง และหุ้นริชมอนต์ พุ่งขึ้น 1.7-2.4% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือน ปรับตัวขึ้น 0.9% นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นรับความหวังอุปสงค์ที่ฟื้นตัวในจีนซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ธ.ค. 65) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »