Crypto VS แชร์ลูกโซ่ ความเหมือนที่แตกต่าง อินโฟเควสท์
Crypto Meetup Thailand อีกหนึ่งกิจกรรมของชาวคริปโทฯ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน นำเสนอมุมมองเรื่อง “Crypto กับ แชร์ลูกโซ่ มีสิ่งที่เหมือนกัน อย่างที่เราไม่คาดคิด!!”
Cryptocurrency คลื่นลูกใหม่ที่เข้ามาปฏิวัติวิธีการคิดและวิธีการใช้เงิน ประกอบกับลักษณะการกระจายอำนาจ และการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มีศักยภาพเพิ่มการเข้าถึงทางการเงิน ลดต้นทุนการทำธุรกรรม และให้ความปลอดภัยและความโปร่งใสที่มากขึ้น นางสาวฟรานเชสก้า รุสโซ่ ผู้ก่อตั้ง Crypto Meetup Thailand คอมมูนิตี้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้าน คริปโทเคอร์เรนซี ให้ความเห็นว่า สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังและตรวจสอบแต่ละโปรเจ็คต์ให้ดี เมื่อจะลงทุนในโปรเจ็คต์ใด หรือว่าเหรียญใด ซึ่งอาจรวมถึงทีมนักพัฒนาและผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจ็คต์นั้น ๆ ควรทำความเข้าใจในการลงทุนและความเสี่ยงที่อาจได้รับ
สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ หมั่น “Do Your Own Research” สิ่งเหล่านี้จะช่วยป้องกันนักลงทุนจากแชร์ลูกโซ่ และทำให้เปิดประตูโอกาส เป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนกับ Cryptocurrency
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
มหาเศรษฐีแห่งโลกคริปโตสูญความมั่งคั่งส่วนตัวรวมกว่า 116,000 ล้านดอลลาร์เซ่นพิษตลาดหมีมีรายงานว่าชายผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในอุตสาหกรรม crypto นั้นได้สูญเสียความมั่งคั่งของตัวเขาอย่างหนักในปีนี้เซ่นสังเวยให้แก่ตลาดหมี crypto ในปี 2022 นี้
อ่านเพิ่มเติม »
เว็บเทรดชื่อดัง Kraken “เท” ญี่ปุ่นรอบสอง พร้อมถอนตัวออกจากตลาด หลังวิกฤตพา ‘ตลาด Crypto อ่อนแอ’Kraken บริษัทกระดานเทรด Crypto ระดับโลกได้ตัดสินใจที่จะยุติการดำเนินงานในญี่ปุ่นเป็นครั้งที่สอง โดยอ้างถึงทรัพยากรที่มีความตึงเครียดท่ามกลาง “ตลาด Crypto
อ่านเพิ่มเติม »
เข้ม 7 วันอันตราย! ช่วงปีใหม่ : อินโฟเควสท์พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 เพื่อกำกับดูแลและสั่งการในการอำนวยการจราจรและแก้ไขสถานการณ์อุบัติเหตุช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (29 ธ.ค.65-4 ม.ค.66) เป็นวันแรก พร้อมสั่งเตรียมความพร้อมกำลังพลกว่า 50,000 นาย เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายจราจร ด้วยการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยจะปฏิบัติงานตลอดช่วงเทศกาลไม่มีวันหยุด โดยมีแนวทางปฎิบัติ ดังนี้ 1) อำนวยความสะดวกการจราจรเพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีรถเดินทางเข้าออก กทม. มากถึงจำนวน 7.3 ล้านคัน โดยปริมาณรถขาออกมากที่สุดคือ วันที่ 29-30 ธ.ค.65 และปริมาณรถขาเข้ามากที่สุดคือ วันที่ 2-3 ม.ค.66 จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยประสานเจ้าของถนนคืนพื้นผิวการจราจร จุดที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซม เป็นเหตุให้รถชะลอตัว โดยสามารถคืนพื้นผิวได้ทั้งหมด 408 จุดทั่วประเทศ จัดตำรวจอำนวยการจราจร ตามจุดสำคัญที่มีปัญหาการจราจร รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว และในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ให้มีชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์ เช่น รถยก รถสไลด์ เข้าถึงที่เกิดเหตุและคลี่คลายการจราจรได้ทันที นอกจากนี้ยังได้ออกข้อบังคับเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถ […]
อ่านเพิ่มเติม »
ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเกาหลีใต้ร่วงต่อในเดือนธ.ค. เหตุกังวลศก.ตกต่ำ : อินโฟเควสท์ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ (28 ธ.ค.) ว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเกาหลีใต้ที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนธ.ค. เนื่องจากความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเกาหลีใต้ (BSI) ในทุกอุตสาหกรรมลดลง 1 จุดจากเดือนพ.ย. แตะที่ระดับ 74 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวลงนับตั้งแต่เดือนก.ย. จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เนื่องจากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วทั้งในและต่างประเทศเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ BOK เริ่มดำเนินการคุมเข้มนโยบายการเงินเมื่อเดือนส.ค.ปีที่แล้ว โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% สู่ระดับ 3.25% ส่วนดัชนี BSI ของบรรดาบริษัทในภาคการผลิตร่วงลง 3 จุด แตะที่ระดับ 71 ในเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนี BSI นอกภาคการผลิตยังทรงตัวที่ระดับ 76 บริษัทในภาคการผลิตมองว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น และอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอเป็นอุปสรรคสำคัญต่อธุรกิจของตนเอง ขณะที่บริษัทนอกภาคการผลิตมองว่า อุปสรรคสำคัญคือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และต้นทุนด้านบุคลากรที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ESI) ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 91.7 ในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.3 จุดจากเดือนพ.ย. สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า […]
อ่านเพิ่มเติม »
In Focus: ส่องชะตาชีวิตหญิงอัฟกันที่พลิกผัน หลังตาลีบันไม่ทำตามสัญญา : อินโฟเควสท์เมื่อกลุ่มตาลีบันกลับมามีอำนาจในอัฟกานิสถานในเดือนส.ค. 2564 ด้วยการเข้ายึดอำนาจอย่างรวดเร็วหลังจากกองทัพสหรัฐตัดสินใจถอนทหารออกไปนั้น ก็ดูเหมือนว่าตาลีบันจะพยายามเปลี่ยนแปลงวิธีการปกครองประเทศที่แตกต่างไปจากในช่วงทศวรรษที่ 1990 โดยแสดงบทบาทเป็นรัฐบาลสายกลางมากขึ้น พร้อมมุ่งมั่นที่จะดำเนินกระบวนการสันติภาพภายในประเทศ และในบรรดาคำมั่นสัญญาใหม่ ๆ นั้น ตาลีบันยืนยันที่จะเคารพสิทธิสตรีภายใต้บรรทัดฐานของกฎหมายอิสลามที่เรียกว่ากฎหมายชารีอะห์ (Sharia) ซูฮาอิล ชาฮีน โฆษกของกลุ่มตาลีบันกล่าวในเวลานั้นว่า ผู้หญิงจะได้รับอนุญาตให้สามารถศึกษาต่อจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการปลดเปลื้องสตรีจากข้อจำกัดเดิม ๆ ที่เข้มงวดภายใต้ระบอบการปกครองของตาลีบันในช่วงปี 2539-2544 แต่กระนั้นผู้คนทั้งในอัฟกานิสถานและในต่างประเทศต่างก็ไม่ค่อยแน่ใจกับคำสัญญาเกี่ยวกับท่าทีที่ผ่อนปรนของตาลีบัน ขณะที่มีรายงานว่า ชาวอัฟกันกว่า 1 ล้านคนได้หลบหนีออกจากประเทศนับตั้งแต่ตาลีบันกลับเข้ามากุมอำนาจบริหาร และราว 16 เดือนให้หลัง กลุ่มตาลีบันก็ดูเหมือนว่าได้กลืนน้ำลายตัวเอง สตรีและเด็กผู้หญิงต้องเผชิญกับคำสั่งห้ามด้านการศึกษา หลังจากการประกาศคำสั่งหลายฉบับที่กัดกร่อนสิทธิของผู้หญิงอย่างต่อเนื่องในเกือบจะทุกด้านของชีวิต โดยได้ยกเลิกสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่พวกเขาเคยได้รับหลังจากที่ต่อสู้มาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เพียงไม่กี่วันหลังจากยึดอำนาจ กลุ่มตาลีบันก็ได้คืนสถานะให้กับกระทรวงเพื่อการเผยแผ่คุณธรรมและการป้องกันความชั่วร้าย (Ministry for the Propagation of Virtue and the Prevention of Vice) ในฐานะหน่วยงานเฝ้าระวังด้านศีลธรรมสาธารณะที่ได้รับมอบหมายให้บังคับใช้กฎหมายอิสลามฉบับตาลีบัน และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระทรวงฯ ดังกล่าวก็กลายเป็นศูนย์กลางในการลิดรอนสิทธิสตรีภายในประเทศอย่างเป็นระบบ In Focus […]
อ่านเพิ่มเติม »