หลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย ซนฮึงมิน ถอดหน้ากากออกก่อนที่จะปลดปล่อยทุกความรู้สึกออกมาผ่านหยาดน้ำตาที่มีความฝันอยู่ในนั้น เขาพยายามมานาน และในที่สุดก็ทำได้สำเร็จแล้ว
เกมมาถึงนาทีที่ 90 บวกอีกหนึ่ง สถานการณ์ตอนนั้น เกมระหว่างโปรตุเกสและเกาหลีใต้ยังคงเสมอกันอยู่ 1-1 ซึ่งถ้าจบลงแบบนี้ก็หมายถึงจุดจบของ ‘แทกุก วอร์ริเออร์ส’ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยเช่นกัน และจะเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันที่พวกเขาถูกหยุดเส้นทางเอาไว้ที่รอบแรกหากไม่นับฟุตบอลโลก 2002 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพและผ่านเข้าไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งถูกครหาว่า ‘ไม่สง่างาม’ จากการตัดสินที่ใกล้เคียงกับคำว่าอัปยศ
เกาหลีใต้ไปได้ไกลที่สุดในฟุตบอลโลกที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ยุคสมัยนั้นยังเป็นยุคสมัยของ พัคจีซอง กับ อันจุงวาน ซึ่งสืบทอดตำนานมาจากฟุตบอลโลกในบ้านเกิดอยู่เลยดังนั้นไม่แปลกที่ผู้คนจะคาดหวังกับ ซนฮึงมิน นักฟุตบอลผู้ก้าวผ่านรุ่นพี่ทุกคนเพื่อไปยืนอยู่ ณ จุดที่สูงเกือบที่สุดในโลกลูกหนัง ไปได้ไกลยิ่งกว่านักเตะเกาหลีใต้หรือนักเตะเอเชียคนไหนๆ ในฐานะซูเปอร์สตาร์ตัวจริงของโลก