WealthMePlease: ยังหนาว !! Recession แต่ก็ทำอะไรหุ้นอินโดฯไม่ได้ อ่านข่าว📱 ชมวิดีโอ 🎥 Recession WealthMePlease ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เศรษฐกิจถดถอย อินโฟเควสท์
เป็นอีกหนึ่งตลาดหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยในขณะนี้ นั่นก็คือ “ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย” ที่ต้องยอมรับความโดดเด่นไม่แพ้ตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ด้วยข้อได้เปรียบทางด้านจำนวนประชากรหนุนการบริโภคภายในประเทศ รวมไปถึงจุดแข็งทางด้านทรัพยากรธรรมชาติที่ทำให้อินโดนีเซียมีสินค้าส่งออกมากมายหลากหลายชนิดไปยังหลายประเทศทั่วโลก
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลายคนอาจจะกังวลนั่นก็คือภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก และคาดว่าจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในปีหน้า กระทบยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ หรือจีน ที่เป็นคู่ค้าสำคัญของอินโดนีเซีย ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักที่นักลงทุนจับตามองว่าตลาดหุ้นอินโดนีเซียจะใช้ความแข็งแกร่งฝ่าวิกฤติเหล่านี้ และจะเป็น Safe Haven ให้กับนักลงทุนได้หรือไม่
หรือหากต้องเปรียบเทียบกับตลาดดาวรุ่งฉายแสงอย่าง “ตลาดหุ้นเวียดนาม” แล้ว ตลาดหุ้นอินโดนีเซียจะมีความเหมือน หรือมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง “Wealth Me Please” สัปดาห์นี้จะพาคุณผู้ชมไปเจาะลึกถึงเสน่ห์ของตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และทิศทางในอนาคต รวมถึงวิเคราะห์หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ กับนายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง
ทั้งนี้ รายการ “Wealth Me Please” จะนำข้อมูลความรู้ด้านการเงินและการลงทุน ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่านนำมาต่อยอดช่วยสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง พบกันทุกวันอังคารที่
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
'สี จิ้นผิง' เสนอรายงานต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ CPC ชูศก.แข็งแกร่ง-ย้ำความสำคัญการศึกษา : อินโฟเควสท์สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วันอาทิตย์ (16 ต.ค.) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้นำเสนอรายงาน ณ การเปิดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 โดยมีการกล่าวถึงเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงเน้นย้ำความสำคัญของการศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ปธน.สีกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน เติบโตจาก 54 ล้านล้านหยวน เป็น 114 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 16 ล้านล้านดอลลาร์) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และครองสัดส่วน 18.5% ของเศรษฐกิจโลก เพิ่มขึ้น 7.2 จุดเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันจีนยังคงมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวของจีนเพิ่มขึ้นจาก 39,800 หยวน เป็น 81,000 หยวน นอกจากนี้ ปธน.ยังได้เน้นย้ำการเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่จีนผ่านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการพัฒนาแรงงานที่แข็งแกร่ง เพื่อขับเคลื่อนการสร้างความทันสมัย โดยนับเป็นเสาหลักเชิงยุทธศาสตร์ของการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกด้าน ปธน.สีกล่าวว่า …
อ่านเพิ่มเติม »
นักวิชาการห่วงฐานะการคลัง-หนี้สาธารณะพุ่ง ใกล้เลือกตั้งรบ.-พรรคการเมืองโหมประชานิยม : อินโฟเควสท์นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และอดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ได้กล่าวแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์สังคมชราภาพและการแข่งขันการใช้นโยบายประชานิยมของรัฐบาลและพรรคการเมืองต่างๆในช่วงใกล้เลือกตั้ง ว่าปัญหาโครงสร้างประชากรสังคมชราภาพของไทยนั้นเป็นปัญหาทั้งในเชิงโครงสร้างในทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งปัญหาทางการเมืองและความมั่นคงในระยะยาวอีกด้วย การเสนอสวัสดิการถ้วนหน้าผู้สูงวัยเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของการแก้ปัญหาโครงสร้างประชากรของไทยที่จะนำไปสู่ปัญหาวิกฤติฐานะทางการคลังและหนี้สาธารณะได้ในอนาคต นอกจากนี้ ในช่วงใกล้เลือกตั้งรัฐบาลได้เร่งออกนโยบายประชานิยมที่ขาดการไตร่ตรองอย่างรอบคอบถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลทางการคลังโดยให้น้ำหนักกับการตอบสนองต่อฐานสนับสนุนทางการเมืองเพื่อการเอาชนะในการแข่งขันทางการเมืองและมีการขยายบทบาทภาครัฐทางเศรษฐกิจด้วยผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าความสมเหตุสมผลของกรอบการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ดีพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่ต้องแข่งขันกันในการเลือกตั้งต่างแนวทางและพฤติกรรมไม่ต่างกันมากนัก ปัญหานโยบายประชานิยมที่ขาดความรับผิดชอบทางการคลังจะนำมาสู่ปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะภายใน 3-4 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน ขณะนี้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีทะลุระดับ 60% ไปแล้ว สังคมไทยจึงไม่อาจคาดหวังว่าจะมีนโยบายแนวปฏิรูปที่ออกมาแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวได้มากนัก หากรัฐบาลและพรรคการเมืองไม่สามารถหารายได้จากการปฏิรูปภาษีและรายได้ภาครัฐอื่นๆมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆในระบบงบประมาณตามที่ประกาศเอาไว้ จะทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีทะลุ 70%ได้ในอนาคตอันใกล้ และต้องปรับเพดานหนี้กันอีกหนี้สาธารณะในระดับดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าในระยะยาวเกิดข้อจำกัดของภาครัฐในการดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ สวัสดิการสังคมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนทางด้านทรัพยากรมนุษย์และลงทุนทางด้านการศึกษาวิจัยนวัตกรรมในอนาคต งบประมาณปี 2566 ต้องใช้งบดูแลผู้สูงอายุประมาณ 7.5 แสนล้านบาท หรือ 4.5-5%ของจีดีพี เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเทียบกับปี 2556 คาดว่าภายในปี พ.ศ. 2576 สังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับเต็มที่จะใช้งบทะลุ 1 ล้านล้านบาท รัฐบาลอาจจะเจอวิกฤติฐานะการคลังได้ แต่ไม่ควรใช้วิธีตัดลดสวัสดิการในอนาคต ควรลดภาระการคลั
อ่านเพิ่มเติม »
ชาติพัฒนากล้าเปิดยุทธวิธี ประสาน 3 พลัง ผลักดันคนไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น : อินโฟเควสท์นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า แถลงหลังการประชุมใหญ่สามัญพรรคชาติพัฒนากล้าว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรค ก็เพื่อความเหมาะสมในการนำพาพรรคให้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาบ้านเมือง ทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ และเพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายใน 6 เดือนข้างหน้า โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรค , นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ กทม. , นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ด้านเศรษฐกิจ และกรรมการบริหารพรรคตำแหน่งอื่นๆ รวมแล้วกว่า 30 คน เพื่อเดินหน้าแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง วิกฤตทางการเมือง และระดมคนที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง นายสุวัจน์ กล่าวว่า ความร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการประสาน 3 พลัง คือ “พลังประสบการณ์” ของพรรคชาติพัฒนา ที่มีประสบการณ์ยาวนานจนมาเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า , “พลังเศรษฐกิจ” โดยนายกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจนได้รับการยกย่องเป็นรัฐมนตรีคลังโลก นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ประธานที่ปรึกษาพรรค มีประสบการณ์รัฐมนตรีทั้งกระทรวงอุตสาหกรรมและพลังงาน …
อ่านเพิ่มเติม »
'สี จิ้นผิง' ยันมุ่งมั่นรวมชาติกับไต้หวัน ย้ำพร้อมใช้กำลังหากจำเป็น : อินโฟเควสท์ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้กล่าวในการเปิดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 โดยเน้นย้ำว่าจีนมุ่งมั่นที่จะรวมประเทศกับไต้หวัน และการแก้ปัญหาไต้หวันเป็นเรื่องของชาวจีน อย่างไรก็ตามจะไม่มีทางปฏิเสธสิทธิที่จะใช้กำลังเพื่อนำไต้หวันกลับมา ปธน.สีกล่าวว่า “เราจะยังคงพยายามเพื่อการรวมชาติอย่างสันติด้วยความจริงใจและพยายามอย่างที่สุด แต่เราจะไม่มีทางสัญญาที่จะยกเลิกการใช้กำลังนำไต้หวันกลับมาและสงวนทางเลือกสำหรับใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดไว้ สิ่งนี้มุ่งเป้าไปที่การแทรกแซงจากภายนอกและผู้แบ่งแยกดินแดนไม่กี่รายที่ต้องการ ‘เอกราชของไต้หวัน’ ไม่ได้มีเป้าหมายที่เพื่อนร่วมชาติชาวไต้หวัน พร้อมเสริมว่า “การรวมประเทศจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” ปธน.สียังกล่าวด้วยว่า “เราได้แสดงความเคารพและห่วงใยต่อเพื่อนร่วมชาติชาวไต้หวัน และดำเนินการที่เป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน เราจะยังคงส่งเสริมเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมถึงความร่วมมือกันต่อไป” นอกจากนี้ ปธน.สียังเตือนไม่ให้สหรัฐหรือประเทศอื่น ๆ เข้าแทรกแซงกิจการไต้หวัน ท่ามกลางความตึงเครียดที่รุนแรงขึ้นหลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวันในช่วงต้นเดือนส.ค. ด้านสำนักงานประธานาธิบดีของไต้หวันออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า “ไต้หวันจะไม่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยของตนเอง หรือสูญเสียเสรีภาพและประชาธิปไตย และชาวไต้หวันก็คัดค้านหลักการ ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ ของจีนอย่างชัดเจน การรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน คือความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และการพบกันในสนามรบไม่ใช่ทางเลือก” โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
สว.เดโมแครตจวกเฟดขึ้นดอกเบี้ยแก้ปัญหาไม่ถูกจุด-ซ้ำเติมประชาชน : อินโฟเควสท์นายเบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครตจากรัฐเวอร์มอนต์ แสดงความเห็นว่า นโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ช่วยบรรเทาวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบัน และยังเป็นการซ้ำเติมชาวอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน “ผมคิดว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่จะจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อด้วยวิธีการปรับลดค่าจ้างและหนุนอัตราว่างงานให้สูงขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อเป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ แต่การที่ครอบครัวของคนทำงานกำลังดิ้นรนอย่างยากลำบากในขณะที่คนระดับผู้บริหารยังคงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ผมไม่คิดว่าเฟดจะคำนึงถึงประชาชนในกลุ่มคนทำงานเท่าใดนัก” นายแซนเดอร์สให้สัมภาษณ์ในรายการ “Meet the Press” ของสำนักข่าวเอ็นบีซี นิวส์ ทั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ต่อเนื่อง 3 ครั้งในการประชุมที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในช่วง 3.00% – 3.25% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแตะ 4.5% ภายในสิ้นปีนี้ และมีโอกาสจะไปถึง 5.5% ในปีหน้า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 8.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 8.1% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3% ส่วนดัชนี …
อ่านเพิ่มเติม »