TU ลั่นไม่ทิ้ง RedLobster ผลงานดีขึ้นต่อเนื่อง คาดพลิกฟื้นธุรกิจได้ตามแผน หุ้นไทย ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป อินโฟเควสท์
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.
ทั้งนี้ เรด ล็อบสเตอร์ ได้มีการเร่งจัดทัพแคมเปญพร้อมโปรโมชั่น พัฒนาคุณภาพและการบริการ พร้อมนำเสนอเมนูใหม่ ๆ เพื่อมุ่งขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง “ไทยยูเนี่ยนยังเดินหน้าสนับสนุน เรด ล็อบสเตอร์ ซึ่งมีการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ทางการตลาด การพัฒนาบุคลากร คุณภาพสินค้าและบริการต่าง ๆ รวมถึงมีผู้บริหารจากสำนักงานใหญ่เข้าไปดูแล ซึ่งแผนงานต่างๆ ยังคงดำเนินงานได้ตามเป้า”เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า TU กำลังพิจารณาที่จะถอนตัวออกจากธุรกิจเรด ล็อบสเตอร์ ซึ่งเป็นเชนภัตตาคารอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐที่ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก หลังจากที่ TU เพิ่งเพิ่มการถือหุ้นในเรด ล็อบสเตอร์ได้ไม่ถึง 3...
วันศุกร์ที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้น TU ร่วงลงไป 6% ต่ำสุดที่ 14.10 บาท และมาปิดที่ 14.50 บาท เพราะตลาดกังวลการตั้งสำรอง หากมีการขาย Red lobster โดยบล.หยวนต้า มองว่าหากขายจริงจะเป็นเพียงผลกระทบ Onetime แต่การขาย Red lobster เป็นบวกระยะยาว เพราะเป็นธุรกิจที่มีผลขาดทุนกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
TU ร่วง 4.67% กังวลตั้งสำรอง หากมีการขาย Red lobster : อินโฟเควสท์TU ราคาหุ้นปรับตัวลง 4.67% หรือลบ 0.70 บาท มาที่ 14.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,168.99 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.39 น. โดยราคาเปิดที่ 14.90 บาท ราคาขึ้นไปสูงสุด 15.00 บาท ราคาต่ำสุด 14.10 บาท บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาหุ้นของบมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ปรับตัวลงจากตลาดกังวลการตั้งสำรอง หากมีการขาย Red lobster (ตามรายงานข่าว Bloomberg) ซึ่งเรามองว่าหากขายจริงจะเป็นเพียงผลกระทบ Onetime แต่การขาย Red lobster เป็นบวกระยะยาว เพราะเป็นธุรกิจที่มีผลขาดทุนกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี จึงเป็น Upside มากกว่า Downside แนะนำ สะสม โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มี.ค. […]
อ่านเพิ่มเติม »
'ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป' เล็งถอนตัวจากธุรกิจ 'เรด ล็อบสเตอร์' เหตุขาดทุนอ่วม : อินโฟเควสท์สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (10 มี.ค.) ว่า บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กำลังพิจารณาที่จะถอนตัวออกจากธุรกิจเรด ล็อบสเตอร์ (Red Lobster) ซึ่งเป็นเชนภัตตาคารอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐที่ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก หลังจากที่ TU เพิ่งเพิ่มการถือหุ้นในเรด ล็อบสเตอร์ได้ไม่ถึง 3 ปี ทั้งนี้ นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TU ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่จะชี้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารและการยกเครื่องการดำเนินงานจะช่วยลดภาวะขาดทุนของเรด ล็อบสเตอร์ได้หรือไม่ โดยธุรกิจดังกล่าวประสบปัญหาขาดทุนถึง 9.8 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ซึ่งฉุดผลประกอบการของ TU ลงด้วย แม้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากแรงหนุนของธุรกิจอาหารสัตว์และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปก็ตาม แม้ยังไม่ได้สรุปการตัดสินใจเรื่องถอนการลงทุนในเรด ล็อบสเตอร์ แต่นายธีรพงศ์กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า “ไทยยูเนี่ยนไม่เคยยื้อธุรกิจที่ขาดทุน” โดยที่ผ่านมา บริษัทก็เคยตัดสินใจปิดโรงงานที่ไม่ทำกำไรมาแล้วหลายแห่ง โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มี.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
ผ่ากลยุทธ์ TU เจ้าตลาดซีฟู้ด แสนล้าน สัญชาติไทยTU หนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้แบรนด์อาหารทะเลชั้นนำในหลายตลาดหลัก และเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีมูลค่ากิจการเฉียดแสนล้านบาท ในตลาดหุ้...
อ่านเพิ่มเติม »
ก.ล.ต.เผยบลจ.มีความพร้อมบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องเทียบระดับสากล : อินโฟเควสท์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ประเมินตนเองตามแนวทางของหน่วยงานกำกับดูแลด้านตลาดทุนสากล (International Organization of Securities Commissions: IOSCO) ในการตรวจสอบความพร้อมของหลักเกณฑ์และมาตรฐานการกำกับดูแล พบว่าหลักเกณฑ์การบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและเครื่องมือบริหารสภาพคล่องของกองทุนรวม (Liquidity Management Tools: LMTs) ที่ได้ปรับปรุงในช่วงปี 2564 – 2565 มีความสอดคล้องกับมาตรฐาน IOSCO ในระดับสูง ในปี 2564 สำนักงานก.ล.ต. ร่วมกับ AIMC บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ศึกษาแนวทางการกำกับดูแลสากลโดยจัดทำหลักเกณฑ์การบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและเครื่องมือ LMTs ของกองทุนรวมเพื่อยกระดับการจัดการกองทุนรวมให้ บลจ. มีกระบวนการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่การออกแบบพอร์ตการลงทุนของกองทุนรวม การบริหารสภาพคล่องประจำวันและการมีเครื่องมือ LMTs ในช่วงที่ภาวะตลาดผันผวนเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน ลดโอกาสเกิดผลกระทบต่อระบบการเงินในวงกว้าง ซึ่งหลักเกณฑ์มีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 IOSCO ได้ออกรายงาน Thematic Review on Liquidity Risk Management Recommendations (FR13/22) […]
อ่านเพิ่มเติม »
สว.มะกันรุมจวกกระทรวงการคลัง เหตุตอบสนองต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศล่าช้า : อินโฟเควสท์สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจำนวน 3 รายร่วมกันแสดงความไม่พอใจต่อกระทรวงการคลังสหรัฐเมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการอย่างฉับไว เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ พร้อมเรียกร้องให้นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านสภาพภูมิอากาศคนใหม่ เพื่อเข้ามาเป็นหัวหอกในการรับผิดชอบงานด้านดังกล่าว สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางเอลิซาเบธ วอร์เรน นายเชลดอน ไวต์เฮาส์ และนายเอ็ดเวิร์ด มาร์กี วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตทั้ง 3 คนได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายจอห์น มอร์ตัน ที่ปรึกษาด้านสภาพภูมิอากาศคนแรกของนางเยลเลน ผ่านจดหมายเปิดผนึกถึงนางเยลเลน โดยนายมอร์ตันลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวไปเมื่อเดือนธ.ค.และกลับไปทำงานในภาคเอกชน วุฒิสมาชิกทั้ง 3 คนระบุว่า กาลเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ที่กระทรวงการคลังสหรัฐก่อตั้ง “ศูนย์สภาพภูมิอากาศ” (Climate Hub) และแต่งตั้งนายมอร์ตันเพื่อการประสานงานด้านกลยุทธ์ แต่ผลลัพธ์กลับออกมาน่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม นางเยลเลนยังไม่ได้แต่งตั้งหัวหอกด้านสภาพภูมิอากาศคนใหม่เข้ามาแทนที่นายมอร์ตัน แม้ว่ากระทรวงการคลังสหรัฐจะมีทีมงานมากมายที่ทำงานเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึงบางคนที่ดำรงตำแหน่งอาวุโสที่สำคัญ นางจูเลีย ครีเกอร์ โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐได้เน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของกระทรวงฯในการผลักดันวาระด้านสภาพอากาศของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งรวมถึงการผลักดันมาตรการจูงใจด้านภาษีพลังงานสะอาดของกฏหมายลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act – IRA) ให้ได้รับการอนุมัติ และการทำความเข้าใจความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวต่อคณะที่ปรึกษาในสัปดาห์นี้ว่า […]
อ่านเพิ่มเติม »
ชาวบ้านริมหาดฟิลิปปินส์เริ่มล้มป่วยจากพิษคราบน้ำมันเรือบรรทุกล่ม : อินโฟเควสท์ชายหาดอันเก่าแก่และจุดดำน้ำของเมืองโปลา จังหวัดโอเรียนตัลมินโดโรทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงมะนิลาในฟิลิปปินส์ ได้ปกคลุมไปด้วยคราบน้ำมันจำนวนหลายหมื่นลิตรที่รั่วไหลออกจากเรือบรรทุกน้ำมันที่อับปางนอกชายฝั่ง ส่งผลให้ประชาชนล้มป่วย และเป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เรือบรรทุกน้ำมันเอ็มที พรินเซส เอ็มเพรส (MT Princess Empress) ล่มลงเมื่อวันที่ 28 ก.พ. และทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงอุตสาหกรรมรั่วไหลลงสู่น่านน้ำโดยรอบของจังหวัดโอเรียนตัลมินโดโร ทางการฟิลิปปินส์ได้ประกาศภาวะภัยพิบัติใน 9 เมือง และออกคำสั่งห้ามการลงว่ายน้ำและตกปลา ขณะที่ฟิลิปปินส์กำลังต่อสู้กับหนึ่งในภัยพิบัติครั้งเลวร้ายที่สุดในภูมิภาค นางเจนนิเฟอร์ ครูซ นายกเทศมนตรีเมืองโปลาซึ่งเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุน้ำมันรั่วไหลครั้งนี้เปิดเผยว่า ชาวบ้านมากกว่า 50 คน ได้ล้มป่วยลง โดยมีอาการไอ วิงเวียนศีรษะ ระคายเคืองตา และเป็นไข้ “ในช่วงระยะเวลา 9 วันมานี้ สถานการณ์ย่ำแย่ลงมาก อากาศที่ร้อนยิ่งทำให้กลิ่นเหม็นจากน้ำมันรุนแรงขึ้น ชาวบ้านก็ล้มป่วยมากขึ้น ตัวดิฉันเองก็ไม่สามารถเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมเยียนจุดประสบเหตุได้ เพราะกลิ่นน้ำมันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบาย” นางครูซกล่าว จังหวัดโอเรียนตัลมินโดโรซึ่งมีประชากรมากกว่า 900,000 คน กำลังสั่นคลอนจากผลกระทบของภัยพิบัติดังกล่าว โดยบรรดารีสอร์ตริมชายหาดกล่าวว่า ลูกค้าได้ยกเลิกการจองที่พักเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลวันหยุดสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Week) ในช่วงต้นเดือนเม.ย. โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มี.ค. […]
อ่านเพิ่มเติม »