TFG ดีดขึ้น 3.23% แนวโน้ม H2/65 โตเด่นรับราคาไก่-หมูสูงหนุนมาร์จิ้น TFG หุ้นไทย ไทยฟู้ดส์กรุ๊ป อินโฟเควสท์
TFG ดีดตัวขึ้น 3.23% หรือเพิ่มขึ้น 0.20 บาท มาที่ 6.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 49.77 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.14 น. จากราคาเปิด 6.20 บาท ราคาสูงสุด 6.45 บาท ราคาต่ำสุด 6.20 บาท
ขณะเดียวกัน การขายร้านค้าปลีกจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต โดย TFG ยังคงตั้งเป้าจะรุกขยายสาขาร้านเพิ่มเป็น 200-220 ร้านในปี 65 และเป็น 380-400 ร้านในปี 66 เรายังคงคำแนะนำซื้อ TFG และประเมินราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 10.40 บาท อิงจาก PER ที่ 14.2X
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
BJC คาดยอดขาย H2/65 โตกว่า H1/65 ศก.ฟื้นหนุน-วางงบ 1-1.1 หมื่นลบ.เน้นขยายสาขา : อินโฟเควสท์นายรามี ปีไรแนน ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่สูงขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำยอดขายเติบโตได้ 11.5%หรือทำยอดขายรวมไปได้ 7.43 หมื่นล้านบาท โดยที่แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังจากโควิด-19 คลี่คลายลง ทำให้คนกลับมาทำงานและมีรายได้ ส่งผลต่อการบริโภคที่ฟื้นตัวกลับมา โดยที่กลุ่มธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตบิ๊กซีมีการเติบโตขึ้นค่อนข้างมาก โดยที่ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) มีการเติบโตในครึ่งปีแรก 5.2% และมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากการเห็นสัญญาณการเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในสาขาของบิ๊กซีมาต่อเนื่อง ขณะเดียวกันกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคและบริโภคยังมียอดขายที่กลับมาฟื้นตัวขึ้นดีต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงกลุ่มบรรจุภัณฑ์ของบริษัทที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการในการสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์ของผู้ประกอบการต่างๆที่มีออเดอร์สั่งผลิตบรรจุภัณฑ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 65 บริษัทยังคงมั่นใจว่ายอดขายรวมในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้เติบโต 10-15% จากปีก่อน อย่างไรก็ตามยังคงมีแรงกดดันกำไรอยู่บ้างในด้านของต้นทุนการผลิตที่ยังสูง โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้น จากราคาแก้ว และราคาก๊าซที่อยู่ในระดับสูง ทำให้กำไรจากการขายบรรจุภัณฑ์ปรับตัวลดลง ซึ่งทางบริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และทยอยปรับราคาขายเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดี สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาบิ๊กซี Hypermarket 1 สาขา บิ๊กซี Foodplace 5 สาขา บิ๊กซีมินิ ในไทย 100 สาขา และในกัมพูชา …
อ่านเพิ่มเติม »
ทริสฯคงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ BJC ที่ A แนวโน้ม Stable : อินโฟเควสท์ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะด้านการแข่งขันที่แข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทตลอดจนความหลากหลายของแหล่งที่มาของรายได้และการมีตลาดที่ครอบคลุม นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่คาดว่าน่าจะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นภายหลังจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีปัจจัยลดทอนจากสถานะทางการเงินของบริษัทที่มีหนี้ในระดับสูง ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงความท้าทายจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต – ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่จะเริ่มฟื้นตัว ทริสเรทติ้งมองว่าธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ของบริษัทที่ดำเนินการโดย บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (บิ๊กซี) มีทิศทางที่จะฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแกร่งหลังจากซบเซาลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์โรคโควิด 19 ในปี 2564 บริษัทมียอดขายจากธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ระดับ 9.13 หมื่นล้านบาท ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนและเปรียบเทียบกับยอดขายที่ระดับ 1.11 แสนล้านบาทในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ยอดค้าปลีกของบริษัทเพิ่มขึ้น 8.5% …
อ่านเพิ่มเติม »
BPP เจรจาดีลใหญ่กว่า 2 พัน MW, คาด Q3/65 โตรับ COD โซลาร์เวียดนามเพิ่ม : อินโฟเควสท์นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ แบ่งเป็น การลงทุนในโครงการพลังงานขนาดใหญ่ ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนเพิ่มกำลังผลิตกว่า 2 พันเมกะวัตต์ โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปที่ใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions : HELE) ในตลาดที่มีการซื้อขายไฟฟ้าแบบเสรีคือสหรัฐอเมริกา 2-3 โครงการ กำลังการผลิตโครงการละ 700-800 เมกะวัตต์ รวมทั้งการลงทุนในประเทศจีนอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร 2-3 โครงการในภาคตะวันออกและภาคใต้ของจีน ส่วนการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนใหม่ (Renewable) บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาจำนวนหนึ่ง มุ่งเน้นใน 8 ประเทศที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งหมดนี้จะเป็นการสนับสนุนให้กำลังการผลิตติดตั้งรวมของ BPP เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 68 ที่จะมาจากโครงการ HELE และ Thermal รวม 4,500 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานหมุนเวียน (Renewables) รวม 800 เมกะวัตต์ …
อ่านเพิ่มเติม »
บลจ.ทาลิส ออกกองทุนหุ้นเล็ก 1-8 ก.ย.คาด SET ดีดขึ้นปลาย Q3/65 รับเศรษฐกิจฟื้น : อินโฟเควสท์นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ทาลิส เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการเสนอขายกองทุนหุ้นไทยกองใหม่ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยมองว่าในปัจจุบันมีหุ้นเล็กหลายตัวที่นักลงทุนทั่วไปยังมองข้าม เนื่องจากไม่ได้มีนักวิเคราะห์ติดตามหุ้นประเภทนี้ นอกจากนี้ในสภาวะที่ตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัยอาทิ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงชะลอตัว การค้นหาและคัดเลือกหุ้นไทยขนาดเล็กที่ แข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตที่ดี ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถสร้างโอกาสทำผลตอบแทนที่โดดเด่นในระยะยาวให้แก่นักลงทุน ทั้งนี้ บลจ.ทาลิส จะนำเสนอขายกองทุนในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ ระหว่างวันที่ 1 -8 กันยายน 2565 เปิดเสนอขาย 2 ชนิดหน่วยลงทุน คือ ชนิดสะสมมูลค่า (TSMALLEQ-A) และ ชนิดเพื่อการออม (TLSMALLEQ-SSF) จำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อ 1,000 บาท สำหรับภาพรวมการลงทุนในปัจจุบันหลังตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงในช่วงไตรมาส 2/65 ตามปัจจัยลบต่าง ๆ อาทิเช่น การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั้งใน และ ต่างประเทศ หลายประเทศในภูมิภาคยุโรป และในสหรัฐอเมริกา เลือกที่จะรีบควบคุมอัตราเงินเฟ้อโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ และเป็นการสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก …
อ่านเพิ่มเติม »
รมว.คลัง จี้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายลงทุนปีงบ 65 ตามแผนหลังพบทำได้แค่ 60% : อินโฟเควสท์นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยจะอยู่ที่ 3-3.5% ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 8-10 ล้านคน ซึ่งรัฐวิสาหกิจถือเป็นอีกหนึ่งกลไกที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเป็นแหล่งรายได้ของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน ผ่านการเร่งเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุน ปัจจุบัน รัฐวิสาหกิจทั้งหมดมีสินทรัพย์รวม 14.8 ล้านล้านบาท มูลค่าใกล้เคียงกับ GDP ของประเทศ ซึ่งอยู่ที่ 17.6 ล้านล้านบาท และในแต่ละปีรัฐวิสาหกิจมีเม็ดเงินลงทุนรวม ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ขณะที่ส่วนราชการมีเม็ดเงินลงทุนรวม 6-7 แสนล้านบาท คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนรวมกันกว่า 1 ล้านล้านบาท ถือเป็นส่วนสำคัญในระบบเศรษฐกิจอย่างมาก “การเร่งลงทุนให้ได้ตามแผน ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากงานล่าช้ากว่ากำหนด รายได้ก็ไม่เข้า และกลายเป็นต้นทุน รวมทั้งยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเพิ่มด้วย โดยในปี 64 มีรัฐวิสาหกิจ 35 แห่งที่มีกำไร ส่วนอีก 17 แห่งผลการดำเนินงานยังขาดทุนอยู่ แม้ว่าปี 63-64 …
อ่านเพิ่มเติม »