ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลง หลังได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
- อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวลดลง เนื่องจากท่าส่งออกน้ำมันดิบ Forcados ของไนจีเรีย ซึ่งมีการส่งออกที่ระดับ 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน สามารถกลับมาส่งออกได้ตามปกติ ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของอิหร่าน เดือน ส.ค. 66 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงกว่าเดือนก่อนหน้าราว 0.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในดือน ก.ย. 66
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 6.8% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 7.9% และถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 65 ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพี ในไตรมาสที่ 2/66 มีการเติบโตที่ระดับ 0.2 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และถือเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/65
- ตลาดจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว อันประกอบด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีนและแอฟริกาใต้ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 ส.ค. นี้ โดยการประชุมครั้งนี้จะมีการพิจารณาเพื่อรับสมาชิกใหม่จำนวน 22 ชาติ ซึ่งชาติดังกล่าวรวมถึงชาติมหาอำนาจในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน อันได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย, อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อันได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต เดือน ส.ค. 66 และยอดขายบ้านเดือน ก.ค. 66 และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต เดือน ส.ค. 66 ของยุโรปราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 1.94 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 81.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลง 2.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 84.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 85.