SPRC ร่วง 4.42% กังวลสเปรดเบนซินย่อตัวตามดีมานด์-เทคนิคราคาเป็นลบ หุ้นไทย สตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง อินโฟเควสท์
SPRC ปรับตัวลง รับแรงขายจากความกังวลส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบลดลง หลังความต้องการใช้ช่วงฤดูหนาวหดตัว เมื่อเวลา 11.03 น.ราคาหุ้น SPRC ลบ 4.42% หรือลดลง 0.50 บาท มาที่ 10.80 บาท จากราคาเปิด 11.20 บาท ราคาสูงสุด 11.20 บาท และต่ำสุด 10.70 บาท
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง ปรับตัวลงมา มาจากความกังวลส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบ ลดลง หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในช่วงฤดูหนาวในประเทศตะวันตกลดลง ทำให้มีแรงขายออกมา ซึ่ง SPRC ถือว่ามีสัดส่วนการกลั่นเป็นน้ำมันเบนซินมากที่สุดในประเทศไทย
ขณะที่ปัจจัยเทคนิค ราคาหุ้นหลุดค่าเฉลี่ยเส้น 200 วัน 11.30 บาท ทำให้มีแรงขายระยะสั้น แต่ยังแนะนำ “ถือ” ได้ ให้ราคาเป้าหมายที่ 12.50 บาท
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เกาหลีใต้ส่งออกช่วง 20 วันแรกเดือนธ.ค.ร่วง 8.8% ขาดดุลการค้าต่อเนื่อง : อินโฟเควสท์สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้ (KCS) เปิดเผยในวันนี้ (21 ธ.ค.) ว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ในระหว่างวันที่ 1-20 ธ.ค. แตะที่ 3.364 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 8.8% เมื่อเทียบรายปี และทำให้เกาหลีใต้ขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง KCS รายงานว่า ยอดส่งออกยังคงมีแนวโน้มลดลง หลังจากลดลง 5.8% ในเดือนต.ค.และ 14.0% ในเดือนพ.ย. ในช่วง 20 วันแรกของเดือนธ.ค. ยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ร่วงลง 24.3% และยอดส่งออกสำหรับผลิตภัณฑ์เหล็ก อุปกรณ์พกพา และเครื่องจักรที่มีความแม่นยำปรับตัวลงในระดับเลขสองหลัก ขณะเดียวกัน ยอดส่งออกรถยนต์และผลิตภัณฑ์น้ำมันเพิ่มขึ้นในระดับเลขสองหลักในช่วงเวลาดังกล่าว เมื่อแบ่งตามประเทศ ยอดส่งออกไปยังเวียดนามและญี่ปุ่นลดลงในระดับเลขสองหลัก ขณะที่ยอดส่งออกไปยังสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มขึ้น 16.1% และ 1.2% ส่วนยอดนำเข้าในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบรายปี แตะ 4.006 หมื่นล้านดอลลาร์ ยอดนำเข้าพลังงานหลัก 3 แหล่งของประเทศได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินนั้นแตะ 1.143 …
อ่านเพิ่มเติม »
เพื่อไทย จี้ 'บิ๊กตู่' พ้นรมว.กลาโหม รับผิดชอบเหตุเรือหลวงอับปาง : อินโฟเควสท์นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังรับหนังสือจากนายไทกร พลสุวรรณ ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ เพื่อขอให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณของกองทัพเรือ ในส่วนงบประมาณปรับปรุงรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ใน 3 ประเด็น คือ การซ่อมบำรุงเรือหลวงสุโขทัย มีการใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงให้เรือหลวงสุโขทัยใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่อย่างไร เพราะอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ เคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า เรือและอากาศยานของกองทัพเรือจำนวนมาก ไม่ได้รับการซ่อมบำรุงตามวงรอบ จนส่งผลต่อความพร้อมในการปฎิบัติภารกิจ การใช้งบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยประจำเรือ ได้ใช้งบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวเพียงพอกับลูกเรือทุกคนหรือไม่ เพราะทหารลูกเรือที่รอดชีวิต ได้ยืนยันว่าเสื้อชูชีพมีไม่ครบทุกคน การใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ ในภาพรวมของกองทัพเรือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกรณีเช่นนี้ซ้ำอีก นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะนำเรื่องนี้เข้าตรวจสอบในสภาฯ โดยวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มาตอบกระทู้ถามสดในสภาฯ เนื่องจากเป็นเรื่องประชาชนให้ความสนใจและเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งกระทบต่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างมหาศาล พร้อมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแสดงความรับผิดชอบ “รัฐมนตรีประเทศอื่น หากมีกรณีรถไฟคว่ำขบวนเดียว เขาก็ลาออกจากรัฐมนตรีคมนาคม เพื่อแสดงความรับผิดชอบ มาถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรมว.กลาโหม ยังไม่มีการประกาศอะไรออกมา ซึ่งเรื่องนี้ปล่อยไม่ได้ รวมถึงการติดตามตรวจสอบการเงินที่ใช้ในการดำเนินการดูแลเครื่องยนต์ที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องใหญ่ …
อ่านเพิ่มเติม »
ญี่ปุ่นจับตาสถานการณ์โควิดจีน หวั่นกระทบเศรษฐกิจอีกระลอก : อินโฟเควสท์สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (21 ธ.ค.) ว่า ญี่ปุ่นจะจับตาสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในจีนอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การปรับขึ้นราคา และข้อจำกัดด้านอุปทาน รายงานเศรษฐกิจประจำเดือนธ.ค.ของคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยแพร่ออกมา ในขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก กำลังเผชิญกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลก และต้นทุนนำเข้าที่ระดับสูงได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและกิจกรรมการผลิต รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดมุมมองด้านผลผลิตของโรงงานเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกสำหรับเซมิคอนดักเตอร์หยุดชะงัก แต่ยังคงประเมินภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่เปลี่ยนแปลง โดยระบุว่าเศรษฐกิจดีขึ้นในระดับปานกลาง เจ้าหน้าที่ในคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายหนึ่งเปิดเผยว่า “หากสถานการณ์โควิดในจีนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานหรือการค้า ปัญหานี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน ตามที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงต้นปีนี้” ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มมุมมองด้านความเชื่อมั่นทางธุรกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีเนื่องจากมีสัญญาณของการฟื้นตัว จากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลระบุว่า การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นทางธุรกิจได้หยุดชะงักลง รายงานยังได้ระบุย้ำว่า รัฐบาลคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะบรรลุเป้าหมายราคาที่ระดับ 2% ได้อย่างมีเสถียรภาพโดยพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจ, ราคา และสถานการณ์การเงิน โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
ผู้เชี่ยวชาญคาดตลาดเงินส่อเค้าปั่นป่วน หากเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย : อินโฟเควสท์นายบิล กรอส นักลงทุนชื่อดังเจ้าของฉายาราชันตราสารหนี้และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทพิมโค (Pimco) คาดการณ์ว่า จะมีปัญหาใหญ่รออยู่เบื้องหน้า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป “เศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายด้านการคลังจำนวนหลายล้านล้านดอลลาร์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อใช้เงินก้อนดังกล่าวหมด ผมคิดว่าเราจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อย และหากอัตราดอกเบี้ยยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป เราจะเผชิญสถานการณ์ที่รุนแรงกว่านั้น” นายกรอสให้สัมภาษณ์ในรายการ “Halftime Report” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี “เราอาจเผชิญกับความปั่นป่วนในตลาดการเงินก็เป็นได้” ขณะเดียวกัน นายกรอสกล่าวว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินจะสั่นคลอนตลาดทุน โดยเป็นการอ้างอิงถึงกรณีที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ลงมติขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ซึ่งตลาดมองว่าเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นายกรอสระบุด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะก่อให้เกิดปัญหาต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ในอนาคต โดยอาจเกิด “การผิดนัดชำระหนี้” ขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยนั้นจะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่า โดยจะไม่ได้รับผลกระทบมากเหมือนกับในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
จีนอนุญาตให้ผู้ป่วยโควิดทำงานตามปกติ หวังลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ : อินโฟเควสท์จีนเริ่มอนุญาตให้พนักงานที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 เพียงเล็กน้อยทำงานได้ตามปกติ ในขณะที่ภาครัฐพยายามจำกัดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากกรณีที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น หลังยกเลิกการบังคับใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบฉับพลันเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จีนระบุในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า หน่วยงานราชการในเทศบาลนครฉงชิ่งทางภาคตะวันตกของประเทศ ได้สั่งการให้พนักงานทำงานต่อไปตามปกติ หากเป็นโรคโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เจ้าหน้าที่ในเมืองเจ้อเจียง ศูนย์กลางการผลิตบริเวณชายฝั่งตะวันออกของจีน และเมืองใกล้มณฑลอานฮุย อนุญาตให้ผู้ป่วยโควิด-19 ทำงานได้ตามปกติในสัปดาห์นี้ การอนุญาตให้ผู้ป่วยโควิด-19 ทำงานได้ตามปกติ โดยเฉพาะตามโรงงานต่าง ๆ จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น แต่บางบริษัทก็ยังเต็มใจที่จะลองเสี่ยง โดยเฉพาะหากพนักงานหนุ่มสาวมีอาการป่วยไม่รุนแรงจนเกินไป สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า พนักงานแนวหน้าส่วนใหญ่ที่โรงงานของนายปีเตอร์ อวี่ ซึ่งผลิตยานพาหนะในมณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของจีน ยังคงทำงานต่อไป หากอาการป่วยโควิด-19 ไม่รุนแรง โดยพนักงานจะได้รับค่าจ้างตามจำนวนผลผลิตที่ทำได้ และมีเงินจูงใจให้พนักงานทำงานต่อ แม้ติดเชื้อโควิด-19 โดยปัจจุบันบริษัทจะทราบว่าพนักงานติดเชื้อก็ต่อเมื่อพนักงานแจ้งให้ทราบ เนื่องจากจีนได้ยกเลิกระบบการตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ไปแล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจีนยกเลิกการบังคับใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบฉับพลัน แม้มีอัตราการฉีดวัคซีนค่อนข้างล่าช้าและสภาพอากาศหนาวเย็นมากขึ้น ขณะเดียวกันยอดผู้ติดเชื้อในเมืองใหญ่ก็พุ่งสูงขึ้น โดยกรุงปักกิ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดในช่วงแรก และผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจีนจะเผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลักทลายประหนึ่งคลื่นสึนามิถล่มไปทั่วประเทศ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »