S&P คาดเกาหลีใต้จ่อขึ้นดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดที่ 3.5% ในปีหน้า : อินโฟเควสท์

ประเทศไทย ข่าว ข่าว

S&P คาดเกาหลีใต้จ่อขึ้นดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดที่ 3.5% ในปีหน้า : อินโฟเควสท์
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด,ประเทศไทย หัวข้อข่าว
  • 📰 InfoQuestNews
  • ⏱ Reading Time:
  • 21 sec. here
  • 2 min. at publisher
  • 📊 Quality Score:
  • News: 12%
  • Publisher: 68%

S&P คาดเกาหลีใต้จ่อขึ้นดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดที่ 3.5% ในปีหน้า BOK ธนาคารกลางเกาหลีใต้ อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เกาหลีใต้ เศรษฐกิจเกาหลีใต้ อินโฟเควสท์

นักเศรษฐศาสตร์จากเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ เปิดเผยในวันนี้ ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป โดยคาดว่าอาจจะแตะระดับสูงสุดที่ 3.5% ในปี 2566

นายหลุยส์ คูจิส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า “เราคาดว่า บรรดาธนาคารกลางในเอเชียแปซิฟิก จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรงตามนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อในภูมิภาคนี้ไม่ได้ร้ายแรงเท่ากับที่สหรัฐกำลังเผชิญ” พร้อมระบุว่า BOK อาจจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้มีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะอยู่ที่ระดับ 3.

เราได้สรุปข่าวนี้มาให้อ่านอย่างรวดเร็ว หากสนใจข่าว สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม:

InfoQuestNews /  🏆 7. in TH

ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว

Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้

'สแตนชาร์ด' คาดราคาทองพุ่ง 30% แตะระดับ $2,250 ในปีหน้า : อินโฟเควสท์'สแตนชาร์ด' คาดราคาทองพุ่ง 30% แตะระดับ $2,250 ในปีหน้า : อินโฟเควสท์ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้น 30% สู่ระดับ 2,250 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า ทั้งนี้ นายเอริค โรเบิร์ตเซน หัวหน้านักวิจัยระดับโลกของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานชื่อ “เรื่องเซอร์ไพรส์ของตลาดการเงินในปี 2566” หรือ “The financial-market surprises of 2023” โดยได้ระบุถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งตลาดได้มองข้ามไป หนึ่งในเหตุการณ์ในรายงานดังกล่าวคือการที่ราคาทองจะพุ่งขึ้น 30% สู่ระดับ 2,250 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองเพื่อหาเสถียรภาพ ท่ามกลางความผันผวนในตลาดหุ้น นอกจากนี้ นายโรเบิร์ตเซนคาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะทรุดตัวลงสู่ระดับ 5,000 ดอลลาร์ ซึ่งหากเป็นจริงตามรายงาน ก็หมายความว่าบิตคอยน์จะดิ่งลงราว 70% จากในขณะนี้ที่ระดับ 17,000 ดอลลาร์ “แรงเทขายบิตคอยน์จะรุนแรงขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทคริปโทฯ และกระดานเทรดจำนวนมากเผชิญกับการขาดแคลนสภาพคล่อง ทำให้เกิดการล้มละลายมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัล” รายงานระบุ ทั้งนี้ บิตคอยน์ได้ทรุดตัวลงมากกว่า 60% ในปีนี้ หลังจากเผชิญกับข่าวอื้อฉาวมากมายเกี่ยวกับการล่มสลายของอุตสาหกรรมคริปโทฯ โดยล่าสุด …
อ่านเพิ่มเติม »

รัฐบาลจีนหันโฟกัสกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวปีหน้า หลังสถานการณ์โควิดซาลง : อินโฟเควสท์รัฐบาลจีนหันโฟกัสกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวปีหน้า หลังสถานการณ์โควิดซาลง : อินโฟเควสท์กรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศว่า จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจในปี 2566 พร้อมให้สัญญาว่าจะยังคงดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกและกำหนดนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลจีนจะผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมด้วยการมุ่งเน้นไปที่การขยายตัวอย่างมีคุณภาพ และรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม รวมทั้งจะเพิ่มความเชื่อมั่นของตลาดอย่างมีนัยสำคัญด้วย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงสำนักข่าวซินหัวว่า รายงานแถลงการณ์การประชุมของคณะกรมการเมืองระบุว่า สิ่งที่ควรทำคือการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและให้ความสำคัญกับเสถียรภาพควบคู่กันไปด้วย, การดำเนินนโยบายทางการคลังเชิงรุกและการดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบ, กระชับความร่วมมือในด้านนโยบายที่หลากหลาย รวมไปถึงการเพิ่มศักยภาพในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อผนึกกำลังในการส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง บรรดานักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า แถลงการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของคณะกรมการเมืองที่ส่งเสริมการเติบโตอย่างชัดเจน ซึ่งในขณะนี้ จีนได้ผ่อนปรนการควบคุมโรคโควิด-19 ลงอย่างต่อเนื่อง และหันไปให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นายเรย์มอนด์ เหยียง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป (ANZ) กล่าวว่า โดยรวมแล้ว แถลงการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าผู้นำระดับสูงของจีนต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า และรัฐบาลจีนต้องการตั้งเป้าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ไม่น้อยไปกว่า 5% หรือ 5.5% โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »

จีนส่งออก-นำเข้าเดือนพ.ย.ต่ำกว่าคาด เหตุดีมานด์ชะลอตัว-ผลกระทบล็อกดาวน์ : อินโฟเควสท์จีนส่งออก-นำเข้าเดือนพ.ย.ต่ำกว่าคาด เหตุดีมานด์ชะลอตัว-ผลกระทบล็อกดาวน์ : อินโฟเควสท์สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ (7 ธ.ค.) ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.หดตัวลง 8.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าอาจลดลง 3.5% หลังจากที่ขยับลง 0.3% ในเดือนต.ค. โดยยอดส่งออกของจีนได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลง ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนพ.ย.ร่วงลง 10.6% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 6% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.7% ในเดือนต.ค. โดยยอดนำเข้าของจีนได้รับแรงกดดันจากการอุปโภคบริโภคที่ทรุดตัวลงภายในประเทศ อันเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนพ.ย.ที่ 6.984 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.81 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่มียอดเกินดุลในเดือนต.ค.ที่ระดับ 8.515 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »

วิเคราะห์ชี้วิกฤตพลังงานฉุดเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ช่วงเลวร้ายสุดในรอบ 30 ปี : อินโฟเควสท์วิเคราะห์ชี้วิกฤตพลังงานฉุดเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ช่วงเลวร้ายสุดในรอบ 30 ปี : อินโฟเควสท์บลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์ฉบับใหม่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกกำลังจะเผชิญกับปีที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 30 ปี เนื่องจากวิกฤตการณ์พลังงานที่เป็นผลมาจากสงครามในยูเครนนั้น ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นายสกอตต์ จอห์นสัน นักเศรษฐศาสตร์ของบลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 2.4% ในปี 2566 ซึ่งลดลงจากปี 2565 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.2% และจะเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2536 โดยไม่นับรวมวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2552 และ 2563 อย่างไรก็ตาม ทิศทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศยังแตกต่างกัน โดยเศรษฐกิจของยูโรโซนจะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงต้นปี 2566 และเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งสวนทางกับเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะขยายตัวมากกว่า 5% โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลมีแนวโน้มยุตินโยบายโควิดเป็นศูนย์เร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งการใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ นายจอห์นสันยังกล่าวด้วยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่แตกต่างกันนี้จะเห็นได้จากการดำเนินนโยบายการเงินที่สวนทางกัน โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารต่าง ๆ ในยุโรปต่างก็ใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเป็นเวลานานนับปี ขณะที่จีนยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ “ในสหรัฐนั้น การปรับตัวขึ้นของค่าจ้างจะทำให้เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งทำให้เราคาดว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนแตะระดับสูงสุดที่ 5% และจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวจนถึงไตรมาส 1 ของปี 2567 ส่วนในยูโรโซนนั้น การชะลอตัวลงของเงินเฟ้อจะทำให้อัตราดอกเบี้ยขั้นสูงสุดปรับตัวลดลง และมีแนวโน้มที่จะทำให้ธนาคารกลางยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี …
อ่านเพิ่มเติม »



Render Time: 2025-04-22 18:07:56