Soft power อาจไม่ใช่แค่วัฒนธรรมเท่านั้น เพราะมันคือกระบวนการสร้างพาหนะนำสาร ซึ่งเสมือนเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความใกล้ชิดกับผู้คน
ต้องยอมรับเลยว่า กระแส Soft power กำลังเป็นสิ่งที่ผู้คนในสังคมให้ความสนใจ จนกลายเป็นเรื่องลำดับต้นๆ ที่ทุกฝ่ายต่างมีเป้าหมายในการพัฒนาหาจุดขายใหม่ๆ ให้กับประเทศ
ขอลองยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายๆ จากจุดเริ่มต้นการสื่อสารภาพลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์ในอดีตของการเป็นประเทศคู่สงคราม ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นนั้นมีความเกี่ยวข้องกับความรุนแรงอย่างมากมาย เรียกได้ว่ามีภาพลักษณ์ของความเป็นผู้ร้ายในสังคมโลกแบบสุดๆ ด้วยพลังแห่งการ์ตูน ทำให้แบรนด์ญี่ปุ่นจากประเทศคู่สงคราม ค่อยๆ พลิกผันกลายเป็นประเทศที่แลดูอ่อนโยนมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการยอมรับในวัฒนธรรม และความรู้สึกชื่นชอบในความเป็นญี่ปุ่น ก็ค่อยๆ ทยอยเกิดขึ้นตามมา
การ์ตูนอย่างเณรน้อยเจ้าปัญญา อิกคิวซัง และ นินจาฮาโตริ ช่วยสื่อสารวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทั้งเรื่องซามูไร นินจา ศาสนา นักบวช แฝงประเพณี ความเชื่อทางวัฒนธรรมมากมาย หลังจากที่ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จ การสร้างพาหนะทางวัฒนธรรม ก็กลายเป็นที่เล่าขานกันอีกครั้ง โดยประเทศเกาหลีใต้ที่ใช้ ละครซีรีส์ และดนตรี ในรูปแบบของ K Pop มาช่วยสื่อสารจุดขายทางวัฒนธรรมในรูปแบบต่างๆ ออกไปทั่วทั้งโลก