MINT จับฤกษ์เปิดโรงแรมอนันตรา จัยปูร์ แห่งแรกในอินเดียใน Q4/66 MINT อินเดีย โรงแรมอนันตรา ไมเนอร์โฮเทลส์ อินโฟเควสท์
ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประกาศนำแบรนด์โรงแรมอนันตราเข้าสู่ประเทศอินเดีย ภายใต้ชื่อ อนันตรา จัยปูร์ โดยโรงแรมอนันตราที่สร้างใหม่จะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4/6 จะโดดเด่นด้วยสถานที่อันสวยงามสำหรับการจัดงานเลี้ยงและงานแต่ง
เพื่อตอบความนิยมที่เพิ่มขึ้นในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดงานแต่งงาน โรงแรมอนันตรา จัยปูร์ ยังได้รับการออกแบบมาให้สามารถรองรับงานแต่งขนาด 2,500 คน โดยมีพื้นที่จัดงานทั้งในร่มและกลางแจ้งสำหรับงานตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยห้องบอลรูมซึ่งมีขนาด 860 ตารางเมตร สามารถรองรับการจัดโต๊ะอาหารสำหรับแขก 410 คน และยังสามารถเปิดเชื่อมต่อกับส่วนพาวิเลียนขนาด 110 ตารางเมตร เพื่อทำการขยายที่นั่งได้อีก 50 ที่นั่ง...
นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ขยายธุรกิจสู่ประเทศอินเดียด้วยโครงการใหม่ที่จะนำเสนอความหรูหราของโรงแรมอนันตราพร้อมสถานที่อันโดดเด่นสำหรับการจัดงานเลี้ยงและงานวิวาห์ จัยปูร์เป็นหนึ่งในเมืองที่มีสีสันของอินเดีย และยังมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นมาเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสำหรับการจัดงานแต่ง ผมและทีมพนักงานตั้งตาคอยที่จะได้ทำงานกับ มร.
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ธปท.เผยระบบการเงินไทย Q1/66 มีเสถียรภาพ จับตาปัญหารัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ : อินโฟเควสท์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานเสถียรภาพระบบการเงินไทย ประจำไตรมาส 1/2566 พบว่า ระบบการเงินไทยยังมีเสถียรภาพ แต่หากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ อาจส่งผลให้ค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้น จนกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงิน ผ่านความสามารถในการชำระหนี้ที่ด้อยลงของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ และการสูญเสียความเชื่อมั่นของนักลงทุน สำหรับความเสี่ยงรายด้าน มีรายละเอียดดังนี้ – ภาคครัวเรือน ความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือน และกลุ่มเปราะบางมีแนวโน้มด้อยลง จากค่าครองชีพที่เร่งตัวขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ความเปราะบางสะสมของครัวเรือนเพิ่มขึ้น จากปัญหาภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง และรายได้ที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ที่มีอยู่เดิม นอกจากนี้ ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือน โดยเฉพาะในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ – ภาคธุรกิจ โดยธุรกิจขนาดใหญ่ ผลประกอบการและฐานะฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่ SMEs สินเชื่อขยายตัวได้เล็กน้อยจากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู แต่ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ และความต่อเนื่องของการฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวที่แตกต่างกันในแต่ละภาคธุรกิจ และโดนซ้ำเติมจากต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถส่งผ่านไปสู่ผู้บริโภคได้เต็มที่ – ภาคอสังหาริมทรัพย์ ตลาดที่อยู่อาศัยมีสัญญาณฟื้นตัวจากอุปทานที่เร่งตัวขึ้น และธนาคารพาณิชย์เริ่มปรับการพิจารณาสินเชื่อของกลุ่มผู้กู้ที่มีกำลังซื้อ ตอบสนองการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV อย่างไรก็ดี ความต้องการซื้อยังคงชะลอตัว จึงต้องติดตามภาวะอุปทานคงค้างในระยะต่อไป – ระบบธนาคารพาณิชย์ ความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง โดยผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน จากค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลงเป็นสำคัญ แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: เศรษฐา หาเสียงเชียงใหม่ ลั่นหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเร่งแก้ PM2.5 : อินโฟเควสท์นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พบปะพ่อค้าประชาชนในช่วงเช้า ที่ตลาดเมืองใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งขายสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นจุดศูนย์กลางในขนส่ง-กระจายสินค้า ทางการเกษตรไปยังแหล่งจำหน่ายต่างๆ ในจังหวัด ต่อจากนั้น นายเศรษฐา ได้เดินทางไปที่สี่แยกรินคำ ซึ่งเป็นจุดวัดค่าฝุ่นที่สำคัญจุดหนึ่งของ จ.เชียงใหม่ โดยนายเศรษฐาได้พูดคุยกับส.ส.ในพื้นที่ และนายสมชาย ทองคำรูณ กรรมการบริษัท green bus รองประธานหอการค้า จ.เชียงใหม่ นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายก อบจ.เชียงใหม่ และนายสมโภช ลิ้มเล็งเลิศ รองประธานหอการค้า จ.เชียงใหม่ ถึงผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย นายเศรษฐา กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ว่า เป็นปัญหาที่ต้องการผู้นำที่เอาใจใส่จริงจังในการแก้ไข ไม่ว่าการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการเผาทั้งหลาย […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: เพื่อไทย แจงซ้ำปม 'กระเป๋าเงินดิจิทัล' ยันไม่ใช่สกุลใหม่ : อินโฟเควสท์นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ใน 10 ประเด็น ดังนี้ 1. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ใช่คริปโทเคอร์เรนซี่ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิการใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด สามารถเอามาแลกเป็นเงินบาทได้ทุกเมื่อ 2. เหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิการใช้เงิน ที่ใช้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีการเก็งกำไร ไม่มีการถูกทุบ ไม่มีการขาดทุน ไม่มีการสร้างมูลค่า ไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้ ไม่มีราคาตก-ราคาขึ้น เพราะทุกเหรียญมีค่าเท่าเงินบาทเสมอ รับประกันโดยรัฐบาล 3. กระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้นต่อความมั่นคงของระบบการเงิน ไม่เกี่ยวกับทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะไม่ใช่การสร้างสกุลเงินใหม่ 4. กระเป๋าเงินดิจิทัล เงิน 10,000 บาท ลงถึงมือประชาชนทุกคน (16 ปี ขึ้นไป) ทุกบาททุกสตางค์ ใช้จ่ายจริง ซื้อของได้จริง […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: กกต.ยังไม่เคาะเลื่อนลงทะเบียนใช้สิทธิล่วงหน้า ขอโทษหลังระบบล่ม : อินโฟเควสท์จากกรณีกระแสร้อนในสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากมีประชาชนจำนวนมากลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายเนื่องจากระบบล่ม และมีการเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาขยายเวลาลงทะเบียน เพราะทำให้เสียสิทธิ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ทางสำนักบริหารการทะเบียน กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งสาเหตุที่ระบบล่มเพราะประชาชนเข้าไปลงทะเบียนจำนวนมากในช่วง 21.00 น. กกต. ต้องขอโทษประชาชนที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งศักยภาพของระบบสามารถรองรับการลงทะเบียนได้ 4,000 คนต่อวินาที และสำนักบริหารการทะเบียนได้พยายามที่จะแก้ไข โดยเมื่อเช้านี้ ได้ประสานว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะให้คนที่เข้าไปลงทะเบียนเมื่อวานนี้ แต่ลงทะเบียนไม่สำเร็จ เพราะระบบมีปัญหาเสียก่อน เป็นผู้ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า โดยมีการติดต่อผู้ที่ขอใช้สิทธิเพื่อให้ยืนยันว่าจะใช้สิทธิที่ใด ส่วนความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีการขยายระยะเวลาการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านั้น นายแสวง กล่าวว่า ยังไม่ขอตอบ โดยขอให้สำนักบริหารการทะเบียนพิจารณาแก้ไขปัญหาก่อนว่าจะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ พบว่าตัวเลขของผู้ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในขณะนี้ อยู่ที่ 2.4 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับปี 62 ซึ่งอยู่ที่ 2.6 ล้านคน ซึ่งบ่งชี้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่สะดวกที่จะไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง ส่วนการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรนั้น นายแสวง กล่าวว่า กกต. ได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: ศรีสุวรรณ จี้ กกต.สอบปมแจกเงินดิจิทัล เข้าข่ายฝ่าฝืนกม.หลายฉบับ : อินโฟเควสท์นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ตรวจสอบและวินิจฉัยกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มีนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จำนวน 54 ล้านคนๆ ละ 10,000 บาท จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทย โดยไม่บอกความจริงให้หมดนั้น เป็นการดำเนินการที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ การหาเสียงแจกเงินดิจิทัลดังกล่าว เป็นการใช้ประชานิยมสุดขั้ว และอาจก่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประโยชน์ของประชาชนวงกว้าง ทั้งทางบวก และทางลบ และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะมีผลกระทบต่อวินัยทางการเงินการคลังของรัฐ และอาจขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 นอกจากนี้ การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 2561 ประกอบ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561 โดยเคร่งครัด โดยจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ซึ่งเงินจะเหลือถึงประชาชนจริงเพียง […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: ปชป.แจงอัดฉีด 1 ล้านลบ.ดันเศรษฐกิจฐานราก-กระตุ้น GDP โต : อินโฟเควสท์นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ชี้แจงประเด็น “อัดฉีดเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ใครได้อะไร” ว่า พรรคนำเสนอการอัดฉีดเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท เพื่อต้องการกระตุ้นให้เศรษฐกิจโตถึง 5% ตามศักยภาพที่มีอยู่ เพราะถ้าเศรษฐกิจโตต่ำกว่า 5% จะไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุน เมื่อไม่มีการลงทุนเกิดขึ้น เศรษฐกิจไทยก็จะไม่สามารถซัพพอร์ทดูแลประชาชนที่ลำบากได้ และที่ผ่านมาเรามาผิดทาง เพราะเรากระตุ้นคนโดยการใช้จ่าย “พรรคนำเสนอวิธีคิดใหม่ คือ การกระตุ้นนำเงินเก่าที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ ไม่ใช่กู้เงิน หรือไปก่อหนี้ แต่เป็นการเอาเงินเก่า สินทรัพย์ที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ให้ได้ 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน” นายพิสิฐ กล่าว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงิน 1 ล้านล้านบาทจะอัดเข้าไปในระบบโดยไม่สร้างหนี้ และลดหนี้ครัวเรือนด้วย ประกอบด้วยนโยบายธนาคารหมู่บ้านและชุมชนๆ ละ 2 ล้านบาท วงเงิน 1.8 แสนล้านบาท, ปลดล็อคกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถซื้อบ้านได้ วงเงิน 3 แสนล้านบาท, กองทุนช่วยเพิ่มทุน […]
อ่านเพิ่มเติม »