MC ลุยเปิด Mc Outlet รับกำลังซื้อช่วงเทศกาลฯ หนุนผลงาน Q2 ปี 66 โต MC หุ้นไทย แม็คกรุ๊ป อินโฟเควสท์
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป ว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีบัญชี 66 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และจากไตรมาสแรกของปีบัญชี 66 เนื่องจากเป็นช่วง High Season ที่จะมีการจับจ่ายใช้สอยคึกคักจากการเดินทางท่องเที่ยว และกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่
บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขา Mc Outlet เพื่อรองรับกำลังซื้อและการใช้จ่ายที่จะเกิดจากการเดินทางและการท่องเที่ยว โดยมีแผนเปิด Mc Outlet ในสถานีบริการน้ำมันของบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าสิ้นเดือน ธ.ค.65 จะมีสาขาเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 86 สาขา จากสิ้นเดือนมิ.ย.65 อยู่ที่ 72 สาขา โดยได้เปิดในช่วงไตรมาสแรก 4 สาขาและเปิดต่อเนื่องในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรกของปีบัญชี 66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 390% หรือ 92 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และทำสถิติสูงสุดรอบ 5 ปี ขณะที่มีรายได้การขายสินค้ารวม 759 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 321 ล้านบาท หรือ 73.3% เกิดจากกำลังซื้อที่กลับมาในช่องทางออฟไลน์อันได้แก่ ร้านค้าปลีกของตนเองและห้างสรรพสินค้าที่เป็นช่องทางหลักของบริษัทฯ
“ผลการดำเนินงานของ MC กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รายได้และกำไรของบริษัทในช่วง ไตรมาสแรกเติบโตและกลับไปอยู่ในระดับก่อนวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นผลมาจากมาตรการผ่อนคลายของภาครัฐทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”ส่วนทิศทางการดำเนินงาน บริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์หลักในการทำธุรกิจที่มุ่งเน้นคุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย พร้อมปรับเกมการตลาดเน้นทำ Product Mix...
สำหรับฐานะการเงินของบริษัท ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ณ วันที่ 30 ก.ย.65 กลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 5,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% หรือ 263 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 30 มิ.ย.65 ที่มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 5,062 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นเพิ่มขึ้น 116 ล้านบาท จากเดิม 1,995 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.65 เป็น 2,111 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ก.ย.65 และในงวดไตรมาส 2 กระแสเงินสดจะลดลงเล็กน้อยหลังจากบริษัทได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 25 พ.ย.
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ซาอุฯ มั่นใจศักยภาพ หอบ 3 แสนล้าน ร่วมลงทุนในไทยปี 66 : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า รัฐบาลและภาคเอกชนซาอุดีอาระเบียเตรียมจะลงทุนในไทย โดยในปี 2566 ปีเดียวจะลงทุนในไทยสูงถึง 300,000 ล้านบาท สำหรับสาขาอุตสาหกรรมที่อยู่ในความประสงค์จะลงทุนของซาอุดีอาระเบีย อาทิ อุตสาหกรรมเป้าหมายส่วนใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเมดิคัลแคร์ อุตสาหกรรมน้ำมัน และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง โดยถือเป็นผลพวงความสำเร็จจากการปรับความสัมพันธ์ทางการทูต และการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลของมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และจากการที่คณะบุคคลระดับสูงต่างๆ จากซาอุดีอาระเบีย ได้เข้าเยี่ยมชมพื้นที่ EEC ส่งผลให้ทางซาอุฯ สนใจลงทุนเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมที่ EEC นำเสนอ ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิทัลนวัตกรรมขั้นสูง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมการแพทย์แม่นยำ อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูป อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า EV ที่จะขับเคลื่อนบริบทเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG เป็นต้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ให้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งมาจนถึงขณะนี้ …
อ่านเพิ่มเติม »
ปัจจัยลบรุมเร้า! คาดส่งออกปี 66 โตแผ่ว 2-3% : อินโฟเควสท์นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ประเมินว่า การส่งออกของไทยในปี 66 จะขยายตัวได้ราว 2-3% ซึ่งเป็นการเติบโตแบบอัตราหน่วง โดยปีหน้ามีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา คือ ประเทศจีนจะผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ได้มากน้อยเพียงใด เพราะจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนเรื่องการเดินทาง และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังต้องจับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของหลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ขณะนี้มีการปรับตัวลดลง ขณะเดียวกัน สรท.ยังกังวลปัจจัยที่จะมีผลต่อการส่งออกของไทย เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, ราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และการแข็งค่าของเงินบาท สำหรับการส่งออกในปี 65 คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 7-8% โดยมองว่าการส่งออกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ มีแนวโน้มจะชะลอตัว จาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.การชะลอตัวของภาคการผลิตในสหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป และจีน 2.เงินบาทที่เคยเป็นแรงส่งสำคัญต่อภาคการส่งออก จะเห็นได้ว่าในช่วงเดือนพ.ย. และธ.ค. เงินบาทได้กลับมาแข็งค่าขึ้นจากก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก และ 3.ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวสูง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตยังอยู่ในระดับสูง นายชัยชาญ กล่าวว่า ปัจจัยดังกล่าวทำให้การส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้มีความท้าทายอย่างมาก ประกอบกับฐานของมูลค่าการส่งออกในช่วงเดียวกันของปี 64 ถือว่าค่อนข้างสูง โดยในเดือนพ.ย.64 …
อ่านเพิ่มเติม »
เวิลด์แบงก์หั่นคาดการณ์ศก.ฟิลิปปินส์ปี 66 เหลือ 5.7% กังวลเงินเฟ้อฉุดอุปสงค์ : อินโฟเควสท์ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในปี 2566 สู่ระดับ 5.7% จากก่อนหน้านี้ที่ 5.8% เนื่องจากเงินเฟ้อพุ่งทะยานขึ้นและอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นทำให้อุปสงค์ภายในประเทศลดลง ตัวเลขคาดการณ์ของธนาคารโลกนั้นต่ำกว่าของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ที่ปรับลดคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจจากระดับ 6.5-7.5% สู่ระดับ 6-7% เมื่อวันจันทร์ (5 ธ.ค.) ธนาคารกลางโลกระบุว่า “ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจของปี 2566 อ้างอิงจากอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลง ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การใช้จ่ายของครัวเรือนและการลงทุนปรับตัวลดลง” ส่วนในปี 2565 นั้น ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจฟิลิปปินส์จะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 7.2% มากกว่าคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 6.5% หลังเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ขยายตัวแข็งแกร่งในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย. เศรษฐกิจฟิลิปปินส์มีโอกาสที่จะขยายตัวตามเป้าหมายของรัฐบาลในปีนี้ที่ 6.5-7.5% หลังผลผลิตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยอยู่ที่ 7.7% ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย. เนื่องจากรัฐบาลยกเลิกมาตรการคุมโควิด-19 เกือบทั้งหมด และอนุมัติให้กลับมาทำกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ได้อีกครั้ง ราล์ฟ ฟาน ดอร์น นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลกกล่าวว่า ฟิลิปปินส์จำเป็นต้องแก้ปัญหาผลกระทบของเงินเฟ้อที่สูง รวมทั้งรักษาสถานะการคลังให้มั่นคง และสานต่อการลงทุนในด้านสุขภาพ การศึกษา และการเกษตร เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และทำให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อไป โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ธ.ค. …
อ่านเพิ่มเติม »
เงินเฟ้อฟิลิปปินส์พุ่งสูงสุดในรอบ 14 ปี หนุนแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยอีก : อินโฟเควสท์สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 14 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 7.8% ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ขยายตัวอย่างรวดเร็วในเดือนพ.ย. เนื่องจากราคาอาหารที่สูงขึ้น และคาดว่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ธนาคารกลางฟิลิปปินส์เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในการประชุมสัปดาห์หน้า รายงานระบุว่า การขยายตัวของดัชนี CPI ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ย.อยู่ที่ระดับ 5.6% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ 2% – 4% สำหรับปี 2565 ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและเชื้อเพลิงซึ่งมีความผันผวนนั้น เพิ่มขึ้น 6.5% ในเดือนพ.ย. ทางด้านธนาคารกลางฟิลิปปินส์แถลงภายหลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในวันนี้ว่า ธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะใช้นโยบายการเงินเพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายในระยะกลาง โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
CASETiFY เติบโตจากออนไลน์ สู่ Omnichannel เตรียมบุกตลาดไทยเต็มตัว เปิด Studio ถาวร ปี 66CASETiFY หลังเปิดตัว Pop-up Store แห่งแรกในกรุงเทพฯ ได้กระแสตอบรับล้นหลาม วางแผนบุกไทยเต็มตัว ตั้งเป้าเปิด CASETiFY STUDIO ภายในปี 2566
อ่านเพิ่มเติม »
‘เซเว่นอีเลฟเว่น’ เป็นมากกว่าร้านสะดวกซื้อ ปี 66 ลุย 700สาขา รุกฟอร์แมทใหญ่!เน้นเปิดร้านใหญ่ ขายสินค้า ผัก ผลไม้ แพ็คใหญ่ และใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ สร้างรายได้เติบโต โจทย์ขยาย 'เซเว่นอีเลฟเว่น' ปี 66 เมื่อบริษัทกำงบลงทุน 11,000-12,000 ล้านบาท รุกคืบค้าปลีกเต็มสูบ ยกระดับเป็น 'มากกว่าร้านสะดวกซื้อ' สู่ All Convenience
อ่านเพิ่มเติม »