การกระจายทรัพย์สินไว้ในต่างประเทศของบรรดามหาเศรษฐีเหล่านี้เริ่มจะมีอุปสรรค เมื่อมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีระหว่างกันของนานาประเทศ ด้วยกฎระเบียบทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นทำให้มีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Money Fly Back Home” หรือ การขนเงินกลับบ้านตามมา
ได้เคยคาดการณ์ว่าทรัพย์สินของกลุ่มมหาเศรษฐีชาวไทยที่ถือครองทั้งในประเทศและต่างประเทศจะมีมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท
การกระจายทรัพย์สินไว้ในต่างประเทศของบรรดามหาเศรษฐีเหล่านี้เริ่มจะมีอุปสรรค เมื่อมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีระหว่างกันของนานาประเทศ ในประเทศใหญ่ๆเช่น สหรัฐอเมริกาออกกฎหมายป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีเกิดขึ้น คือ Foreign Account Tax Compliance Act ที่กำหนดให้สถาบันทางการเงินในต่างประเทศมีหน้าที่ต้องรายงานข้อมูลทางบัญชีของลูกค้าชาวอเมริกันต่อกรมสรรพากรของสหรัฐ
ส่วนอีกเรื่องที่กำลังจะมีผลในปี 2566 คือ กรอบความร่วมมือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี 2560 และต้องดำเนินการยกระดับการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยต้องเริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติตามมาตรฐานที่ OECD กำหนด เรียกว่า Common Reporting Standard ในเดือนกันยายน ปี 2566...
“ไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่าทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศของกลุ่มเศรษฐีไทยมีเท่าไหร่ แต่ก็เป็นจำนวนที่มหาศาล ซึ่งด้วยข้อกำหนดของนานาประเทศที่ต้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลระหว่างกัน ไม่ว่าทรัพย์สินจะอยู่ที่ไหนก็ต้องรายงานกลับไปประเทศของตัวเอง แม้แต่การจัดตั้งกองทรัสต์ในต่างประเทศที่เคยเป็นวิธียอดนิยมของมหาเศรษฐีเพราะไม่สามารถระบุตัวผู้ตั้งกองทรัสต์แต่ละกองได้ก็เริ่มจะมีข้อจำกัดให้ต้องเปิดเผยแล้ว ดังนั้นในช่วงระยะข้างหน้าจะเห็นการทยอยนำทรัพย์สินกลับบ้านของมหาเศรษฐีไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”...