KWM เพิ่มไลน์ผลิตภาคการเกษตร เล็งขยายตลาด CLMV-นิวซีแลนด์ สร้างยอดขายตปท.เพิ่ม CLMVนิวซีแลนด์ KWHB KWM นิวซีแลนด์ เคดับบลิวเม็ททัลเวิร์ค เคดับบลิวเอชบีจำกัด เอกพันธ์วนโกสุม อินโฟเควสท์
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเพิ่มไลน์กำลังการผลิตที่ 3 ของภาคการเกษตร เพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ และต่างประเทศ หลังจากที่บริษัทได้มีการวางแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยไลน์ผลิตใหม่จะติดตั้งเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้ และจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 4/65
โดยปัจจุบันกำลังการผลิตไลน์ที่ 1 และ 2 มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 นาที/การผลิต 1 แผ่นใบผาล โดยใช้พนักงานในการควบคุมการผลิตทั้งหมด 11 คน ขณะที่ในไลน์ผลิตที่ 3 จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 นาที/การผลิต 1 แผ่นใบผาลเช่นกัน แต่จะใช้พนักงานในการควบคุมการผลิตเพียง 2 คนเท่านั้น ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง อย่างไรก็ตาม 2 ไลน์ผลิตแรก สามารถผลิตใบผาลได้ราว 1,000 แผ่น/วัน ซึ่งถือว่าเต็มความต้องการของคูโบต้า ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ...
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
โควิดไทยวันนี้ เพิ่ม 806 ตั้งแต่ต้นปี รักษาหายแล้ว 2.5 ล้านรายโควิดไทยวันนี้ เพิ่ม 806 ตั้งแต่ต้นปี รักษาหายแล้ว 2.5 …
อ่านเพิ่มเติม »
หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตลาดหุ้นตปท.จากเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อถึงปี 66 : อินโฟเควสท์นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวลงลงตามตลาดหุ้นเอเชีย เป็นไปตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามตลาดคาด แต่ยังคงส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปถึงปี 66 สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังแข็งค่าต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับลงอาจส่งผลกดดันหุ้นพลังงานวันนี้ พร้อมให้ให้แนวต้าน 1,640-1,650 จุด แนวรับ 1,620-1,610 จุด นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลง และตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ แม้ว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ 0.75% เป็นไปตามคาด แต่ประธานเฟดยังคงมีการส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปจนถึงปี 66 และไม่มีท่าทีว่าชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเห็นการเริ่มลดดอกเบี้ยในปี 66 บ้าง ทำให้เป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นเข้ามา ขณะเดียวกันค่าเงินดอลาร์สหรัฐฯยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้กดดันต่อสินทรัพย์อื่นๆ รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยงที่ยังมีแรงกดดันเข้ามา และอาจจะมีแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยเข้ามาเพิ่มเติมจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ซึ่งอาจจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นพลังงานในวันนี้ และกดดันต่อดัชนีด้วย โดยให้แนวต้าน 1,640-1,650 จุด แนวรับ 1,620-1,610 จุด โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ วิตกเฟดยืนยันขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป : อินโฟเควสท์ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% และส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,053.58 จุด ลดลง 259.55 จุด หรือ -0.95%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,080.93 จุด ร่วงลง 363.69 จุด หรือ -1.97% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,098.77 จุด ลดลง 18.41 จุด หรือ -0.59% เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนแตะระดับ 4.6% ในปี …
อ่านเพิ่มเติม »
คำต่อคำ: แถลงการณ์ประชุมธนาคารกลางสหรัฐเดือนก.ย. 2565 : อินโฟเควสท์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธ ที่ 21 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า เมื่อไม่นานมานี้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายและการผลิตขยายตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงเร่งตัวขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงภาวะไร้สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ อันเป็นผลมาจากโรคระบาด, ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง การที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนนั้น กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งประชาชนและเศรษฐกิจ โดยสงครามในยูเครนและเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กำลังเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งคณะกรรมการ FOMC ให้ความสนใจเรื่องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเป็นอย่างมาก คณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้น 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% และคาดว่าการปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกในวันข้างหน้านั้นจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม นอกจากนี้ คณะกรรมการจะยังคงปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ตามที่ได้อธิบายไว้ในแผนการปรับลดขนาดงบดุลบัญชีของเฟด (Plans for Reducing the Size of the Federal Reserve’s Balance Sheet) …
อ่านเพิ่มเติม »
'พาวเวล' ลั่นยังไม่คิดลดดอกเบี้ยจนกว่าบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% : อินโฟเควสท์นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุในการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (21 ก.ย.) ว่า เขาจะไม่พิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% “คำพูดของผมในการแถลงข่าววันนี้ ไม่ต่างไปจากสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล” นายพาวเวลกล่าวกับผู้สื่อข่าว โดยในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น นายพาวเวลได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าภารกิจในการต่อสู้กับเงินเฟ้อประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า “คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เห็นพ้องที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง และจะเดินหน้าปรับลดอัตราเงินเฟ้อต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจดังกล่าว ดังนั้น แนวทางที่เราคิดในขณะนี้คือ การมุ่งมั่นให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งการทำให้ภารกิจดังกล่าวลุล่วงได้นั้น เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะขยายตัวต่ำกว่าแนวโน้มที่ควรจะเป็น และตลาดแรงงานอาจจะชะลอตัวลง” ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 0.2% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 1.7% ที่เฟดคาดการณ์ไว้ในเดือนมี.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีความเชื่อมั่นน้อยลงในการพยุงเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป (soft landing) ท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่า อัตราว่างงานจะแตะระดับ 3.8% ในสิ้นปีนี้ และเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ทั้งในปี 2566 และ …
อ่านเพิ่มเติม »