KTB คาดหมดมาตรการผ่อนคลาย LTV กระทบตลาดที่อยู่อาศัยปี 66 อย่างน้อย 10,500 ลบ. : อินโฟเควสท์

ประเทศไทย ข่าว ข่าว

KTB คาดหมดมาตรการผ่อนคลาย LTV กระทบตลาดที่อยู่อาศัยปี 66 อย่างน้อย 10,500 ลบ. : อินโฟเควสท์
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด,ประเทศไทย หัวข้อข่าว
  • 📰 InfoQuestNews
  • ⏱ Reading Time:
  • 83 sec. here
  • 3 min. at publisher
  • 📊 Quality Score:
  • News: 37%
  • Publisher: 68%

KTB คาดหมดมาตรการผ่อนคลาย LTV กระทบตลาดที่อยู่อาศัยปี 66 อย่างน้อย 10,500 ลบ. LTV ตลาดที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์ เศรษฐกิจไทย อินโฟเควสท์

Krungthai COMPASS ประเมินมูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีมูลค่า 6.04 แสนล้านบาท ขยายตัว 3.3%YoY และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ 2.5%YoY ในปี 66 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการขยายตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย การกลับมาของกำลังซื้อต่างชาติ และมีโอกาสที่ภาครัฐจะขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองไปอีกหนึ่งปี

สำหรับปี 66 แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย จะตัดสินใจไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลาย LTV แต่เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และการกลับมาของกำลังซื้อต่างชาติ จากสถานการณ์การเดินทางระหว่างประเทศที่เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติมากขึ้น คาดว่าจะทำให้มูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังขยายตัวได้ 2.5%YoY คิดเป็นมูลค่า 6.2 แสนล้านบาท

1. บ้านเดี่ยว ราคามากกว่า 20 ล้านบาท มียอด Pre-sale 30.3% 2. บ้านแฝด ราคา 10-20 ล้านบาท Pre-sale 19.6% 3. ทาวน์เฮาส์ ราคา 5-10 ล้านบาท Pre-sale 42.3% และ 4. คอนโดมิเนียม Segment ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท/ยูนิต หรือเป็นกลุ่มที่เน้นการเสนอความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค โดยมียอด Pre-sale 37.4%

อย่างไรก็ดี เป็นผลมาจากทิศทางของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ ในช่วง 1H/65 ที่บ้านจัดสรรมีสินเชื่อปล่อยใหม่ 124.2 พันล้านบาท หดตัวลง3.6%YoY ขณะที่คอนโดมิเนียมมีสินเชื่อปล่อยใหม่ 37.8 พันล้านบาท ติดลบมากกว่าบ้านจัดสรรที่ 12.5%YoY สำหรับวัสดุก่อสร้างหลักอย่างเหล็กคาดว่า แม้สถานการณ์ในภาคอสังหาฯ ของจีน จะทำให้ความต้องการใช้เหล็กลดลง และส่งผลต่อเนื่องให้ราคาเหล็กมีแนวโน้มปรับตัวลงแรงใน 2H/65 แต่ราคาเหล็กโดยเฉลี่ยในปี 65-66 จะยังยืนอยู่ในระดับ 23,500-24,000 บาท/ตัน สูงค่าเฉลี่ยใน 5 ปีหลังสุดที่ 20,800 บาท/ตัน

ทั้งนี้ ส่งผลให้ในปี 66 เกณฑ์ LTV จะกลับไปใช้เกณฑ์เดิม ซึ่งกำหนดให้การซื้อที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทในสัญญาที่ 1 สามารถกู้ได้สูงสุด 110% สัญญาที่ 2 กู้ได้สูงสุด 90% หากผ่อนสัญญา 1 มากกว่า 2 ปี หรือกู้ได้สูงสุด 80% หากผ่อนสัญญา 1 น้อยกว่า 2 ปี ส่วนตั้งแต่สัญญาที่ 3 ขึ้นไปจะกู้ได้สูงสุด 70% ขณะที่การซื้อที่อยู่อาศัยราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป สัญญาที่ 1 จะกู้ได้สูงสุด 90% สัญญาที่ 2 กู้ได้สูงสุด 80% และตั้งแต่สัญญาที่ 3 ขึ้นไปกู้ได้สูงสุด 70%...

เราได้สรุปข่าวนี้มาให้อ่านอย่างรวดเร็ว หากสนใจข่าว สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม:

InfoQuestNews /  🏆 7. in TH

ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว

Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้

KTB คาดเกณฑ์ LTV จะกระทบตลาดบ้านปี 66 ราว 1.05 หมื่นลบ.KTB คาดเกณฑ์ LTV จะกระทบตลาดบ้านปี 66 ราว 1.05 หมื่นลบ.  Krungthai COMPASS ประเมินการสิ้นสุดมาตรการผ่อนคลาย LTV กระทบตลาดที่อยู่อาศัยปี 2566 กว่า 10,500 ลบ. คาดกลุ่มบ้านต่ำกว่า 10 ลบ. กระทบมากสุด พร้อ...
อ่านเพิ่มเติม »

กอบศักดิ์ คาดดัชนีปลายปีนี้อยู่ที่ 1,685 จุด ได้แรงหนุน Flow ไหลเข้า, คาดปี 66 ผันผวนจากวิกฤตตลาดเกิดใหม่ : อินโฟเควสท์กอบศักดิ์ คาดดัชนีปลายปีนี้อยู่ที่ 1,685 จุด ได้แรงหนุน Flow ไหลเข้า, คาดปี 66 ผันผวนจากวิกฤตตลาดเกิดใหม่ : อินโฟเควสท์นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า FETCO ประเมินดัชนีฯ ปลายปี 65 จะอยู่ที่ระดับ 1,685 จุด สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวในปัจจุบันที่ 1,585-1,709 จุด จากเงินทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง หลังกองทุนต่างๆ อยู่ในช่วงของการปรับพอร์ตการลงทุน และมีการ Relocate มาในตลาดหุ้นที่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่นักลงทุนมองว่าเป็น Safe Haven อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี หลังจากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้วกว่า 6 ล้านคน และคาดว่าจะแตะระดับ 10 คน ภายในช่วงสิ้นปีนี้ รวมถึงดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่เริ่มเป็นบวก ทำให้ค่าเงินบาทเริ่มกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามมองปัจจัยบวกดังกล่าวถือเป็นภาพระยะสั้น เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะยังออกมาส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับ 2% ขณะเดียวกันก็มีเรื่องของ Recession หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รออยู่ข้างหน้าด้วย เนื่องจากมองว่าปี 66 เศรษฐกิจโลกน่าจะผันผวนมากขึ้น รวมถึงตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ก็น่าจะมีความผันผวนด้วยจากประเทศที่มีดอกเบี้ยพันธบัตรสูง และไม่สามารถชำระหนี้ได้ …
อ่านเพิ่มเติม »

ก.ทรัพย์ เปิดแผนเฉพาะกิจ 7 มาตรการ รับมือไฟป่า-หมอกควัน-ฝุ่นละอองปี 66 : อินโฟเควสท์ก.ทรัพย์ เปิดแผนเฉพาะกิจ 7 มาตรการ รับมือไฟป่า-หมอกควัน-ฝุ่นละอองปี 66 : อินโฟเควสท์นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2566 และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ในปี 2566 ที่คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีแนวโน้มที่จะมีสภาวะแห้งแล้งมากขึ้น จากสภาพอากาศที่หนาวเย็น มีปริมาณฝนน้อย และปรากฏการณ์ “ลานีญา” ที่เริ่มน้อยลง โดยแผนเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ให้มุ่งเน้นยกระดับความเข้มงวดใน 3 พื้นที่ ได้แก่ 1) พื้นที่เมือง 2) พื้นที่ป่า และ 3) พื้นที่เกษตรกรรม ภายใต้ 7 มาตรการ ตามกรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม” ประกอบด้วย 1) เร่งรัดการประชาสัมพันธ์เชิงรุกและแจ้งเตือนล่วงหน้า 7 วัน ทุกพื้นที่ 2) ยกระดับมาตรการการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง 3) …
อ่านเพิ่มเติม »

SPRC คาดค่าการกลั่น Q4/65 ใกล้เคียง Q3/65 ที่ 6 เหรียญ,ปี 66 ราว 5-7 เหรียญ : อินโฟเควสท์SPRC คาดค่าการกลั่น Q4/65 ใกล้เคียง Q3/65 ที่ 6 เหรียญ,ปี 66 ราว 5-7 เหรียญ : อินโฟเควสท์นายศักดิ์ชัย ธรรมสุรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดหาและวางแผนธุรกิจ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินค่าการกลั่นไตรมาส 4/65 น่าจะอยู่ราว 6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ใกล้เคียงหรือดีกว่าไตรมาส 3/65 เนื่องปัจจัยฤดูหนาว และค่าพรีเมียมของน้ำมันดิบยังไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ในปี 66 ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องติดตาม ทั้งภาวะตลาด และเศรษฐกิจโลก แต่หากประเมินจากปัจจัยพื้นฐานดีมานด์ยังเติบโตได้ดี ทำให้มองว่าค่าการกลั่นปี 66 น่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากจากระดับปกติมากนัก หรืออยู่ราว 5-7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงไตรมาส 4/65 และปี 66 คาดจะยังอยู่ในระดับสูงราว 80-100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยมองภาพรวมตลาดน้ำมันในปี 66 คาดว่าดีมานด์จะได้แรงหนุนจากการเปลี่ยนจากการใช้ก๊าซฯ มาเป็นน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันราคาก๊าซที่สูงขึ้นอย่างมากในฝั่งยุโรป จะสนับสนุนให้ดีมานด์น้ำมันสูงขึ้นในอนาคต รวมถึงคาดว่าประเทศจีนจะมีการผ่อนคลายนโยบายโควิด-19 ทำให้จะมีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจจีนมากขึ้น อย่างไรก็ตามทั่วโลกก็ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอยู่ ขณะที่ภาพรวมสต็อกน้ำมันคงคลัง ทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้น ท่ามกลางการแบนน้ำมันจากประเทศรัสเซีย ส่งผลให้น้ำมัน โดยเฉพาะ Gas …
อ่านเพิ่มเติม »

อากาศร้อนจัดในยุโรปปีนี้ คร่าชีวิตประชาชน 'อย่างน้อย 15,000 ราย' | เดลินิวส์อากาศร้อนจัดในยุโรปปีนี้ คร่าชีวิตประชาชน 'อย่างน้อย 15,000 ราย' | เดลินิวส์รายงานโดยองค์การอนามัยโลกระบุว่า อิทธิพลของสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ประชาชนในยุโรปเสียชีวิต 'อย่างน้อย 15,000 ราย' ในปีนี้ เดลินิวส์
อ่านเพิ่มเติม »

ตลท.เผย CEO Survey คาด GDP ไทยปี 65 โต 2-3% หนุนรายได้บจ.โตกว่า 10%,ปี 66 โตต่อเนื่อง : อินโฟเควสท์ตลท.เผย CEO Survey คาด GDP ไทยปี 65 โต 2-3% หนุนรายได้บจ.โตกว่า 10%,ปี 66 โตต่อเนื่อง : อินโฟเควสท์นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหาร (CEO Survey) ต่อ Economic Outlook ปี 2565-2566 ว่า CEO เปลี่ยนมุมมองต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยส่วนใหญ่หรือ 80% ของ CEO ที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าเศรษฐกิจในปี 2565 และ 2566 จะดีขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตที่ 2-3% ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือ การท่องเที่ยว การส่งออก และการฟื้นตวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่เงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 ที่ระดับ 3-4% CEO ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าทิศทางอุตสาหกรรมในปี 2565 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2564 และคาดว่ากำไรของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะดีกว่าครึ่งแรกของปี โดย 50% ของ CEO ที่ตอบแบบสอบถาม คาดว่ารายได้ในปี 2565 …
อ่านเพิ่มเติม »



Render Time: 2025-04-15 15:24:32