KKP เตือนไทยเตรียมรับมือ หลังเศรษฐกิจจีนเริ่มโตแผ่ว KKP KKPResearch เศรษฐกิจจีน เศรษฐกิจไทย อินโฟเควสท์
KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจจีนในปีนี้และในระยะต่อไป กำลังเผชิญความท้าทายอย่างมาก และการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะไม่ได้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเหมือนทศวรรษที่ผ่านมา การฟื้นตัวที่แผ่วบางของจีนไม่ได้เกิดจากเฉพาะปัจจัยชั่วคราวในระยะสั้น แต่สะท้อนความเปราะบางเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน และเริ่มส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงนี้
KKP Research ประเมินว่า การฟื้นตัวที่แผ่วบางของจีนไม่ได้เกิดจากเฉพาะปัจจัยชั่วคราวในระยะสั้น แต่สะท้อนความเปราะบางเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานและเริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจ หลายปัจจัยเชิงโครงสร้างกำลังสร้างแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมากขึ้นเรื่อยๆ คือ 3. อัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มจบใหม่ จากการชะลอตัวในภาคอสังหาฯ และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เผชิญกับนโยบายภาครัฐที่เข้มงวดมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่รองรับการจ้างงานกลุ่มแรงงานจบใหม่
อย่างไรก็ตาม การปรับสมดุล เศรษฐกิจจีน โดยการเพิ่มบทบาทของการบริโภคภาคครัวเรือน จะยังเผชิญกับความท้าทายที่สูง และทำให้สำเร็จได้ยากในระยะสั้น จากหลายเหตุผล คือ 1. ปริมาณหนี้ครัวเรือนที่เร่งตัวขึ้นจากสัดส่วนรายได้ครัวเรือนที่ลดลง 2. แรงกดดันต่อมูลค่าสินทรัพย์ และรายได้ของครัวเรือนจากการชะลอตัวของภาคอสังหาฯ และภาคการส่งออก 3. นโยบายกระจายรายได้จะทำได้ยาก หากเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว เพราะอาจกระทบความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มความขัดแย้งทางการเมือง และ 4.
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
KKP Research เตือนไทยเตรียมรับมือ จีนไม่โตเหมือนเดิมKKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจจีนในปีนี้และในระยะต่อไปกำลังเผชิญความท้าทายอย่างมาก และการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะไม่ได้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเหมือนทศวรรษที่ผ่านมา การฟื้นตัวที่แผ่วบางของจีนไม่ได้เกิดจากเฉพาะปัจจัยชั่วคราวในระยะสั้น แต่สะท้อนความเปราะบางเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานและเริ่มส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงนี้ประเด็นที่น่ากังวล คือ โครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนสูงทั้งจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกทำให้การชะลอตัวของจีนในรอบนี้จะส่งผลกระทบมาถึงเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะส่งผลกระทบค่อนข้างมากหากเศรษฐกิจจีนชะล
อ่านเพิ่มเติม »
อินโดฯได้ฤกษ์เริ่มทดสอบใช้งานรถไฟความเร็วสูงขบวนแรกเชื่อมจาการ์ตา-บันดุง : อินโฟเควสท์อินโดนีเซียเริ่มต้นทดสอบการเดินรถไฟฟ้าความเร็วสูงขบวนแรกของประเทศ ซึ่งจะเชื่อมต่อระหว่างกรุงจาการ์ตาเมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซียกับเมืองบันดุงของจังหวัดชวาตะวันตก หลังจากเลื่อนเวลามานานหลายปีและค่าใช้จ่ายที่บานปลายส่งผลกระทบต่อโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประธานาธิบดีโจโก วิโดโดแห่งอินโดนีเซียมากยิ่งขึ้น ในฐานะผู้นำในการผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ ของประเทศ หลังจากที่ถูกปล่อยทิ้งขว้างมานานหลายทศวรรษ โดยลำดับต่อไปนั้น ปธน.วิโดโดตั้งเป้าที่จะสานต่อโครงการสร้างเมืองหลวงใหม่ให้สำเร็จก่อนหมดวาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองและเป็นสมัยสุดท้ายในปี 2567 โดยเมืองหลวงใหม่ดังกล่าวมีชื่อว่านูซันตาราบนเกาะกาลิมันตัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือเส้นทางสายไหมสมัยใหม่ของจีน โดยเบื้องต้นตั้งงบประมาณไว้ต่ำกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ แต่งบบานปลายจนต้องใช้เงินเพิ่มอีกอย่างน้อย 1.18 พันล้านดอลลาร์ โครงการดังกล่าวก่อสร้างและดำเนินงานโดยบริษัทเคเรตา เซปาต อินโดนีเซีย ไชน่า (Kereta Cepat Indonesia China) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทไชน่า เรลเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล โคจำกัดและกลุ่มบริษัทของรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยส่วนใหญ่ได้เงินทุนจากธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศจีนและงบประมาณของรัฐบาลอินโดนีเซีย แต่เดิมนั้น การก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงขบวนนี้มีกำหนดเสร็จสิ้นในปี 2562 แต่ต้องเลื่อนออกไปหลายครั้ง เนื่องจากงบประมาณบานปลายและเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ และขณะนี้มีกำหนดเริ่มเปิดให้บริการบางส่วนในเดือนส.ค. โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
สหภาพยุโรปอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบที่ 11 ตอบโต้การรุกรานยูเครน : อินโฟเควสท์สหภาพยุโรป (EU) อนุมัติมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียชุดที่ 11 เพื่อตอบโต้การทำสงครามของรัสเซียในยูเครน สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สวีเดนซึ่งดำรงตำแหน่งประธานของ EU ในปัจจุบันได้ทวีตเมื่อวันพุธ (21 มิ.ย.) ว่า “มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้ประกอบด้วยมาตรการที่มุ่งตอบโต้การหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร และการคว่ำบาตรบุคคลเพิ่มขึ้น” นางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า “มาตรการดังกล่าวจะจัดการกับเครื่องจักรสงครามของปูติน รวมถึงจำกัดการส่งออกอย่างเข้มงวด โดยพุ่งเป้าไปที่บุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่สนับสนุนรัสเซีย” EU ตั้งข้อสังเกตว่าการคว่ำบาตรไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่ประเทศหรือประชากร แต่มีเป้าหมายไปที่นโยบายหรือกิจกรรมที่เฉพาะเจาะจง สำนักข่าวเอพีรายงานว่า มาตรการคว่ำบาตรนี้ห้ามการขนส่งสินค้าและเทคโนโลยีต่าง ๆ ผ่านรัสเซีย เนื่องจากอาจใช้สนับสนุนภาคการทหารและความมั่นคงของรัสเซีย รวมถึงจำกัดการขายสินค้าและเทคโนโลยีให้กับประเทศที่สามซึ่งอาจขายต่อให้กับรัสเซียด้วย ทั้งนี้ มาตรการล่าสุดได้เพิ่มรายชื่อบุคคล 71 รายและองค์กร 33 แห่งที่ถูกห้ามเดินทางเข้า EU และถูกอายัดทรัพย์สิน เนื่องจากมีส่วนร่วมในการเนรเทศเด็ก ๆ ชาวยูเครนอย่างผิดกฎหมายไปยังรัสเซีย โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
อินโดนีเซียย้ายที่ซ้อมรบอาเซียนออกจากทะเลจีนใต้ เลี่ยงข้อพิพาทจีน : อินโฟเควสท์กองทัพอินโดนีเซียเปิดเผยวันนี้ (22 มิ.ย.) ว่า อินโดนีเซียได้เปลี่ยนสถานที่จัดการซ้อมรบร่วมกันระหว่างชาติอาเซียนครั้งแรกให้ห่างจากทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนของหลายประเทศรวมถึงจีนที่อ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำแห่งนี้ ก่อนหน้านี้ การซ้อมรบแบบไม่มีการปะทะ (non-combat drills) ของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีกำหนดจัดขึ้นบริเวณน่านน้ำทางตอนใต้สุดของทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่จีนอ้างอธิปไตย อย่างไรก็ตาม นายจูเลียส วิดโจโจโน โฆษกกองทัพอินโดนีเซียระบุว่า การซ้อมรบซึ่งจะขึ้นในวันที่ 18-25 กันยายน จะย้ายออกจากน่านน้ำทางยุทธศาสตร์ดังกล่าว ไปยังทะเลนาทูนาใต้ (South Natuna Sea) ในอินโดนีเซีย นายวิดโจโจโนกล่าวว่า “การซ้อมรบในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การต่อสู้ ดังนั้นทะเลนาทูนาใต้ซึ่งเชื่อมต่อกับผู้คนโดยตรงจึงเหมาะสมที่สุด” พร้อมเสริมว่า การซ้อมรบจะจัดขึ้นในและรอบเกาะบาตัม บริเวณปากช่องแคบมะละกา ความเป็นหนึ่งเดียวกันของอาเซียนเผชิญการทดสอบอยู่นานหลายปีจากการแข่งขันกันระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังดำเนินอยู่ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับการค้าทางเรือมูลค่าประมาณ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเวียดนาม ฟิลิปปินส์ บรูไน และมาเลเซียต่างก็แข่งขันกันอ้างสิทธิ์เหนือน่านน้ำดังกล่าวกับจีน ที่อ้างอธิปไตยเหนือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ซึ่งรวมถึงพื้นที่บางส่วนของเขตเศรษฐกิจจำเพาะของอินโดนีเซียด้วย ทั้งนี้ จีนได้อ้างอธิปไตยเหนือพื้นที่ดังกล่าวผ่านทาง “เส้นประ 9 เส้น” บนแผนที่ในอดีต ซึ่งศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศตัดสินในปี 2559 ว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 […]
อ่านเพิ่มเติม »
ก.ล.ต.จัดสัมมนาออนไลน์หนุนบจ.ให้ความสำคัญยกระดับ Good Governance : อินโฟเควสท์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดสัมมนาออนไลน์ “บทบาท หน้าที่ ของกรรมการและผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน” เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเล็งเห็นถึงความสำคัญของการยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Governance) และให้ตระหนักรู้ถึงบทบาทและหน้าที่ของกรรมการ ซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป โดยมีกรรมการของบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมมากกว่า 800 คน การจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนงานภายใต้โครงการบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์เข้มแข็งที่ ก.ล.ต. ได้ริเริ่มในปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ และส่งเสริมให้บุคลากรของบริษัทจดทะเบียนตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อตลาดทุนไทย โดยมีนางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวเปิดงาน นายกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวบรรยายในหัวข้อ “บทบาท หน้าที่และความท้าทายของกรรมการและผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนในศตวรรษที่ 21” ทั้งนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้สอดคล้องกับปัญหาในปัจจุบัน และไม่เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ภาคเอกชนที่มีความสุจริต ซึ่งภาคเอกชนยังสามารถเข้าถึงตลาดทุนได้อย่างคล่องตัว พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นว่า ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนไทยได้ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการออกเสนอขายหลักทรัพย์และการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของบทบาทการทำหน้าที่ของตนเองเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนของตลาดทุนไทยโดยรวม สำหรับงานสัมมนา ภายในงานยังมีการเสวนาในหัวข้อ “แชร์ประสบการณ์และมุมมองเพื่อยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน” โดยมีผู้แทนจากบริษัทจดทะเบียน ได้แก่ นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) […]
อ่านเพิ่มเติม »
โกลด์แมนแซคส์ชูตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าลงทุน แนะนำหุ้นไอที-เลี่ยงหุ้นพลังงาน : อินโฟเควสท์ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มเป้าหมายของตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งในปีนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปฏิรูปองค์กรของบริษัทจดทะบียน และปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในต่างประเทศ นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งรวมถึงนายคาซูโนริ ทาเตเบะ คาดการณ์ว่า ดัชนี Topix ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,500 จุดในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2,200 จุด และสูงกว่าระดับปิดของวันพุธ (21 มิ.ย.) ประมาณ 8.9% “เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะดีดตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หลังจากชะลอตัวในช่วงฤดูร้อน เราคาดว่าตลาดจะขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มสดใสในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ รวมทั้งการปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัท การประกาศมาตรการปรับปรุงขีดความสามารถในการทำกำไร และแผนการซื้อหุ้นคืน” โกลด์แมน แซคส์ระบุ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี และผงาดขึ้นเป็นตลาดหุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในโลกในปีนี้ โดยเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติกำลังไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนมีศักยภาพในการคืนกำไรให้กับผู้ถือหุ้น ขณะเดียวกันตลาดได้แรงหนุนจากการที่ญี่ปุ่นกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง และการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ ยังได้ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนี Topix ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าขึ้นสู่ระดับ 2,400 จุด จากระดับ […]
อ่านเพิ่มเติม »