KBANK มองกรอบบาทสัปดาห์หน้า 34.00-34.80 จับตาการเมือง-Flow-ตัวเลขศก. ค่าเงินบาท เงินบาท อัตราแลกเปลี่ยน อินโฟเควสท์
ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า ไว้ที่ระดับ 34.00-34.80 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การเมืองไทย และสัญญาณเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.
โดยเงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 35.00 บาท/ดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านออกมาแสดงความเห็นว่า แม้เฟดจะยังคงต้องคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่ก็ยอมรับว่าเฟดน่าจะกำลังใกล้ยุติวัฎจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้แล้ว
เงินดอลลาร์ยังคงเผชิญแรงเทขายต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ หลังสัญญาณชะลอตัวของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ หนุนการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า แม้เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC เดือนก.ค. แต่ก็อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกไม่มากแล้วหลังจากนั้น อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศเริ่มมีความไม่แน่นอนมากขึ้น
ในวันศุกร์ที่ 14 ก.ค.66 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.65 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับ 35.20 บาท/ดอลลาร์ในวันศุกร์ก่อนหน้า สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 10-14 ก.ค.66 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 514 ล้านบาท และ 3,570 ล้านบาท ตามลำดับ
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ตร.ทางหลวง เข้มจับป้ายแดงปลอม ค้างจ่าย M-Flow 351 เที่ยวตำรวจทางหลวง กวดขันจับกุมป้ายแดงปลอมต่อเนื่อง ครั้งนี้ใช้ป้ายแดงปลอมมากว่า 7 ปี รถวิ่ง 2 แสนกิโล ค้างชำระ M-Flow 351 เที่ยว…
อ่านเพิ่มเติม »
สหรัฐเผยผู้ป่วยห้องฉุกเฉินจากกัญชาเพิ่มจำนวนขึ้นช่วงโควิด-19 ระบาด : อินโฟเควสท์ผลการศึกษาของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (CDC) ของสหรัฐพบว่า คนหนุ่มสาวที่ต้องเข้าห้องฉุกเฉินด้วยอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับกัญชาเพิ่มจำนวนขึ้นในระหว่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งตอกย้ำถึงยอดผู้ป่วยลักษณะดังกล่าวที่เพิ่มสูงขึ้นแบบเป็นวงกว้างตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา CDC ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยห้องฉุกเฉินที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีนั้นเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2563 – 2565 เทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด โดยมีความผันผวนตามกลุ่มอายุและช่วงเวลาของปี รายงานระบุว่า จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 10 ปีลงไป โดยถูกหามเข้าห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัวในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดในกลุ่มอายุข้างต้นจะค่อนข้างน้อยก็ตาม โดยเฉลี่ยแล้วมีเด็กจำนวน 72 คนที่เข้ารับการรักษาตัวในห้องฉุกเฉินต่อสัปดาห์ ระหว่างช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจาก 21 คนในช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อ 3 ปีก่อน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้ออกมาเตือนว่า อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชามักมีลักษณะคล้ายคลึงกับอาหารอื่น ๆ และควรเก็บให้พ้นมือเด็ก สำหรับผู้ที่มีอายุ 15 – 24 ปี คิดเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ต้องเข้าห้องฉุกเฉินด้วยอาการป่วยจากกัญชา โดยแตะระดับสูงสุดในปี 2564 ก่อนจะปรับตัวลดลงมาบ้าง ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยห้องฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับกัญชามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาด […]
อ่านเพิ่มเติม »
คลัง ยันเตรียมเม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจช่วงรอยต่อหากงบฯปี 67 ล่าช้า : อินโฟเควสท์นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีหากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่คาดว่าจะล่าช้าออกไปราว 6 เดือน เนื่องจากยังไม่มีรัฐบาลใหม่นั้น กระทรวงการคลังมีแผนรองรับไว้พร้อมแล้ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น 1.การนำงบประมาณรายจ่ายประจำที่สามารถเบิกจ่ายก่อนได้ จากเดิมที่จะเบิกจ่ายช่วงปลายปีงบประมาณ ให้นำมาใช้ก่อนในช่วงต้นปีงบประมาณทันที เช่น งบอบรม สัมมนา ซึ่งมีอยู่ราว 5-6 หมื่นล้านบาท 2.งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 5 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ จะต้องไปดูว่ามีเท่าใดที่จะสามารถเร่งเบิกจ่ายได้ 3.เป็นโครงการต่างๆ ที่ขับเคลื่อนโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) อีกประมาณ 7 หมื่นล้านบาท นายกฤษฎา เชื่อว่างบจากทั้ง 3 ส่วนนี้ จะสามารถเพียงพอรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงรอยต่อระหว่างที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ไปพลางก่อนได้ “เรามีมาตรการ front load เตรียมพร้อมแล้ว ส่วนที่จะเข้ามาช่วยทดแทน เป็นงบลงทุนรัฐวิสาหกิจของหลายหน่วยงานทั้งหมด 5 แสนล้านบาท ก็น่าจะเอามา front load ได้ก่อน 5-6 หมื่นล้านบาท และอีกส่วนเป็นโครงการของ SFI อีกราว 7 […]
อ่านเพิ่มเติม »
SAV คาดเข้าเทรด SET ปลายส.ค.-ต้นก.ย.66 ชูปันผลสม่ำเสมอ : อินโฟเควสท์บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) ในกลุ่ม บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เตรียมพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงปลายเดือน ส.ค.-ต้นเดือน ก.ย.66 หลังจากยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) SAV จะเสนอขายหุ้นสามัญไม่เกิน 224,000,000 หุ้น หรือไม่เกิน 35% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO แบ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 64,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10% และ หุ้นสามัญเดิมและจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จำนวนไม่เกิน 30% มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท/หุ้น วัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงเพื่อรองรับโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ SAV ถือหุ้นใน CATS ในสัดส่วน 100% โดย CATS เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาตั้งแต่ปี 2545-2594 ในการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ครอบคลุมเส้นทางบินทั้งหมดของน่านฟ้าประเทศกัมพูชา โดยรายได้หลักของ CATS มาจากบริการควบคุมการจราจรทางอากาศ […]
อ่านเพิ่มเติม »
ไทยพบโควิดสายพันธุ์ EG.5.1 แล้ว 5 ราย อัตราแพร่เชื้อสูงกว่า XBB.1.16 : อินโฟเควสท์นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยพบสายพันธุ์ EG.5.1 จำนวน 5 ราย รายงานครั้งแรกในเดือนเมษายน 2566 จำนวน 1 ราย เดือนพฤษภาคม 2566 จำนวน 3 ราย และเดือนมิถุนายน 2566 จำนวน 1 ราย ทั้งนี้ ยังไม่พบข้อมูลเรื่องการเพิ่มความรุนแรง สถานการณ์โดยรวมในปัจจุบันพบว่า XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดของประเทศไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 17 – 23 มิถุนายน 2566 ผลการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด-19 จำนวน 74 ราย พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม XBB.* 73 ราย (นับรวม XBB.1*, XBB.1.9*, XBB.2.3*, XBB.1.5*, XBB.1.16*) คิดเป็น 98.6% และสายพันธุ์ลูกผสม XBL (XBB.1.5* ผสมกับ […]
อ่านเพิ่มเติม »
เยอรมนีวอนบริษัทลดความเสี่ยงจากจีน - ยันไม่หนุนแยกเศรษฐกิจ : อินโฟเควสท์เยอรมนีเปิดเผยว่า มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่บริษัทต่าง ๆ จะต้องลดความเสี่ยงจากจีน แต่ไม่สนับสนุนการแยกเศรษฐกิจ (Decoupling) นางแอนนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.ค.) ที่สถาบันเมอร์คาเตอร์เพื่อการศึกษาจีน (Mercator Institute for China Studies) ณ กรุงเบอร์ลินว่า “สำหรับเยอรมนีแล้ว จีนยังคงเป็นพันธมิตร คู่แข่ง และคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ แต่ในแง่ของการเป็นคู่ปรับเริ่มมีความโดดเด่นมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” นางแบร์บอคกำลังนำเสนอยุทธศาสตร์เกี่ยวกับจีนของเยอรมนี พร้อมอธิบายว่า เยอรมนีมีแผนที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างไรบ้าง กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีระบุในรายงานความยาว 64 หน้าซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวานนี้ว่า “กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของจีนมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาประเทศอื่น ๆ พร้อมกับทำให้ห่วงโซ่การผลิตระหว่างประเทศต้องพึ่งพาจีนมากขึ้น” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนได้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกโลหะสำคัญที่ใช้ผลิตชิป 2 ชนิด ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนยุโรปและสหรัฐในสงครามเทคโนโลยีเกี่ยวกับการชิงชัยชิปไฮเทค รายงานระบุว่า “ในแง่ของนโยบายการต่างประเทศ จีนกำลังมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองอย่างแน่วแน่มากขึ้น และพยายามใช้หลากหลายวิธีเพื่อจะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์เดิมที่ยึดตามระเบียบระหว่างประเทศ ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อชาวยุโรปและความมั่นคงของโลก” นางแบร์บอคระบุในถ้อยแถลงว่า “เราไม่จำเป็นต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดด้วยซ้ำเพื่อที่จะเห็นว่าจีนได้เปลี่ยนไปแล้ว ใครก็ตามที่ได้ฟังจีนจะรู้ว่า ความเชื่อมั่นในตนเองของจีนจะมีอิทธิพลต่อการพัฒนาโลกของเราอย่างแน่นอน” ทั้งนี้ สถานทูตจีนในเยอรมนีระบุในแถลงการณ์ว่า “จีนหวังว่า เยอรมนีจะมองการพัฒนาของจีนอย่างมีเหตุผล รอบคอบ และเป็นกลาง ความท้าทายและอุปสรรคต่าง […]
อ่านเพิ่มเติม »