ESTAR ตั้งเป้ายอดขายปีนี้พุ่งทะลุ 3 พันลบ. กลับมาเปิดโครงการใหม่ 4 ทำเลกว่า 4.65 พันลบ. ESTAR คอนโด ที่อยู่อาศัย หุ้นไทย อสังหาริมทรัพย์ อีสเทอร์นสตาร์เรียลเอสเตท อินโฟเควสท์
นายต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท เปิเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 66 ที่ 3.1 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนทำยอดขายได้เกือบ 2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะกลับมาเปิดโครงการใหม่อีกครั้งหลังชะลอไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19
ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4.65 พันล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบที่ จ.ระยอง 1 โครงการ มูลค่า 550 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 4.1 พันล้านบาท ใน 3 ทำเล ได้แก่ ห้วยขวาง พร้อมพงษ์ และโพธิ์นิมิตร เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมาย mid-high ใน Gen Y ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ชอบความเป็นส่วนตัวและต้องการใช้พื้นที่ของตัวเองอย่างคุ้มค่า
การดีไซน์ฟังก์ชันใช้สอยภายในยูนิตทุกขนาดต้องสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้ชัดเจนแบบคนยุคใหม่ ทันสมัยและเชื่อมต่อโลกภายนอกด้วยเทคโนโลยี และรูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่ที่อยู่อาศัยจึงต้องเป็นพื้นที่รองรับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ได้ทุกรูปแบบ เป็นได้ทั้งบ้าน ที่ทำงานและที่พักผ่อน การออกกำลังกายได้ ทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบได้
“ทำเลยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจซื้อ จุดนี้ถือเป็นความได้เปรียบของเราที่มีแลนด์แบงค์ในทำเลติดและใกล้รถไฟฟ้า โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ทำขายได้แล้ว 300-400 บาท ที่มาจากโครงการใหม่ที่ Soft Opening ไปบ้างแล้ว”สำหรับรายได้ในปี 66 คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยมาที่ 1.7 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.
ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 66 ยังมองว่ามีทิศทางการเติบโตตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันเข้ามากระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย เช่น มาตรการ LTV ที่กลับมาเหมือนเดิม อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น กำลังซื้อที่ยังไม่กลับมาเต็มที่ในบางกลุ่ม แต่มองว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ต่อเนื่อง และยังมีกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ทยอยกลับมาเข้ามาช่วยนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการกลับมาเปิดโครงการใหม่อีกครั้ง...
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
MJD พร้อมลุยเปิดโครงการใหม่-ขยายธุรกิจนอกอสังหาฯ หลังกวาดเงินขายหุ้นกู้เข้าเป้า 1.6 พันลบ. : อินโฟเควสท์นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (MJD) กล่าวว่า หลังจากบริษัทเปิดการเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2566 เป็นหุ้นกู้อายุ 2 ปี 7 เดือน มูลค่า 1,600 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21-23 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัทสามารถปิดการขายหุ้นกู้เต็มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว “เรื่องดังกล่าว สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทั้งคุณภาพโครงการ ความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยง ไปจนถึงแผนการเติบโตสู่อนาคต บริษัทขอขอบคุณทั้งนักลงทุนและผู้จัดการการจัดจำหน่ายทุกราย ที่ให้ความไว้วางใจแก่บริษัท และจะเดินหน้านำเงินทุนที่ได้ไปใช้ตามวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้” นางสาวเพชรลดา กล่าว นางสาวเพชรลดา กล่าวอีกว่า จากนี้บริษัทจะเร่งเดินหน้าธุรกิจตามแผนงาน “LifeScape at a New Height” ที่ประกาศไว้เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.Solidify Residential-Scape ผลักดันความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจหลักอย่างธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย เปิดโครงการใหม่ 7 […]
อ่านเพิ่มเติม »
DPAINT ชูกลยุทธ์ 360 Integrated โตยั่งยืนรายได้แตะ 2 พันลบ.ใน 3 ปีพร้อมลุย CLMV จ่อปิดดีลลงทุนใหม่ : อินโฟเควสท์บมจ.สีเดลต้า (DPAINT) เปิดตัวทีมผู้บริหารใหม่ นายมงคล ตั้งใจพิทักษ์ นั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) ประกาศเป้าหมายมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนขึ้นแท่นเบอร์ 1 ผู้นำอุตสาหกรรมสีและเคมีก่อสร้างแบบครบวงจร ด้วยกลยุทธ์ “360 Integrated Development ประกอบไปด้วย 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. Forward Integration การขยายตลาดไปในร้านค้าปลีกใหม่ๆ และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2. Partner Relationship Management ร่วมกับพาร์ทเนอร์ ตั้งตัวแทนจำหน่าย และ Project co-creation 3. Value Proposition 4. Operational Excellence 5. Backward Integration การมองหาโอกาสในการลงทุน ทั้งการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุน (JV) นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DPAINT กล่าวว่า การเติบโตอย่างยั่งยืนตามกลยุทธ์ดังกล่าว บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ภายใน 3 ปี […]
อ่านเพิ่มเติม »
กลุ่มประมง-พ่อค้าแม่ค้าระยองยื่นฟ้อง SPRC เรียกชดใช้กว่า 7.7 พันลบ.ทำน้ำมันรั่วลงทะเล : อินโฟเควสท์บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2566 บริษัทได้รับสำเนาคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 โจทก์ 832 ราย ประกอบด้วยสมาคมประมงพื้นบ้านท้องถิ่นระยอง กลุ่มชาวประมงในพื้นที่จังหวัดระยอง กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารทะเลในพื้นที่จังหวัดระยอง และกลุ่มผู้ประกอบการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดระยองได้ยื่นฟ้องคดีต่อบริษัทละจำเลยร่วมอีกรายหนึ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายรวม 7,727 ล้านบาท โดยโจทก์อ้างว่าเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ที่บริเวณทุ่นขนถ่ายน้ำมันดิบ ซึ่งอยู่ห่างจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดออกไปทางทิศใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตรก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรและสัตว์ทะเลที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของชุมชนประมงชายฝั่ง และผู้มีอาชีพเกี่ยวเนื่อง ในปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมข้อมูลรวมถึงพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป จากการที่บริษัทได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว บริษัทเห็นว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่บริษัทจะไม่ต้องรับผิดในจำนวนเงินทั้งหมดตามที่โจทก์เรียกร้องมาในคำฟ้อง ประกอบกับข้อพิพาทดังกล่าวข้างต้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทางธุรกิจตามปกติของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มี.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
ครม. รับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลัง ปีงบ 65 : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ 2565 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. ภาคงบประมาณ : – สถานการณ์และแนวโน้มความเสี่ยงด้านรายได้ ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในปีงบประมาณ 2565 มีจำนวน 2,531,656 ล้านบาท ขยายตัว 6.57% จากปีก่อน มาจากกลุ่มรายได้ที่สัมพันธ์กับเศรษฐกิจสูง กลุ่มรายได้ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน และกลุ่มรายได้จากการค้าระหว่างประเทศ ขยายตัวจากปีก่อน อย่างไรก็ดี การจัดเก็บรายได้ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด -19 ทั้งนี้ มุมมองความเสี่ยงด้านรายได้ในปีงบประมาณ 2566 คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังสามารถขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน – สถานการณ์และแนวโน้มความเสี่ยงด้านรายจ่าย วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 3.1 ล้านล้านบาท ปรับตัวลดลง 5.66% จากปีก่อน ขณะที่รายจ่ายที่ยากต่อการลดทอน เพิ่มขึ้นเป็น 66.72% สาเหตุสำคัญมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ปรับตัวลดลง และการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายเพื่อชำระหนี้และภาระผูกพันจากการดำเนินนโยบายในอดีต และรายจ่ายสวัสดิการบุคลากรภาครัฐ ส่งผลรายจ่ายลงทุนลดลงอยู่ที่ 19.74% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ทั้งนี้ […]
อ่านเพิ่มเติม »
ไฮเออร์เผยกระแสผู้บริโภคเปลี่ยน ดันดีมานด์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบอัจฉริยะ : อินโฟเควสท์ไฮเออร์ เปิดเผยว่า ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านโดยรวมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับตัวลดลงในปี 2565 แต่ยอดขายของไฮเออร์ สมาร์ท โฮม กลับเพิ่มขึ้น 12% ซึ่งสูงเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยยอดขายในเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เติบโตในระดับเลขสองหลัก ไฮเออร์ สมาร์ท โฮม กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ร้านแบรนด์อะควา (AQUA) ของไฮเออร์ สมาร์ท โฮม ในย่านชอปปิงระดับไฮเอนด์ของเมืองมากัสซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ได้นำเสนอประสบการณ์การชอปปิงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบบครบจบในที่เดียว นอกจากนี้ ไฮเออร์ สมาร์ท โฮม ยังเปิดธุรกิจร้านสะดวกซักเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ในฟิลิปปินส์ จนกลายเป็นหนึ่งในสองแบรนด์ใหญ่ในท้องถิ่น และมีการเปิดสาขามากกว่า 200 สาขาเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ส่วนทางด้านคาซาร์เต้ (Casarte) ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าหรูในเครือไฮเออร์ สมาร์ท โฮม ได้เปิดศูนย์ประสบการณ์อัจฉริยะระดับไฮเอนด์แห่งแรกในไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 โดยได้นำเสนอสถานการณ์บ้านอัจฉริยะทั่วทั้งหลัง ศูนย์ประสบการณ์ดังกล่าวถือเป็นความสำเร็จสำหรับคาซาร์เต้ ทั้งนี้ กระแสผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ตลาดต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีคุณภาพสูงขึ้น อัจฉริยะขึ้น และตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลได้มากขึ้น ไฮเออร์ยังได้นำผลิตภัณฑ์มานำเสนอในงานแสดงเครื่องจักรและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จีนในสิงคโปร์ ประจำปี […]
อ่านเพิ่มเติม »
ประชากรสหรัฐ-ยุโรปราว 300 ล้านคนมีแววตกงาน หลัง'Generative AI' ผงาด : อินโฟเควสท์โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจระดับโลกระบุเมื่อวันจันทร์ (27 มี.ค.) ว่า เทคโนโลยี Generative AI เช่น ChatGPT จะเข้ามาช่วยทำงานได้ถึง 1 ใน 4 ของงานทั้งหมดในสหรัฐและยูโรโซน ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า เทคโนโลยี Generative AI สามารถช่วยรังสรรค์คอนเทนต์ได้ไม่แตกต่างจากฝีมือมนุษย์ และต่อไปจะช่วยเพิ่มผลผลิตจนในที่สุดจะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รายปีได้ถึง 7% ในช่วงเวลา 10 ปี แต่นายโจเซฟ บริกส์และนายเทเวศร์ โกฐนานี ผู้เขียนรายงานของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า หากเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ เทคโนโลยี Generative AI จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะสร้างความเสี่ยงให้กับพนักงานประจำ 300 ล้านคนในสหรัฐและยูโรโซน ซึ่งกลุ่มทนายความและเจ้าหน้าที่บริหารอยู่ในกลุ่มที่เผชิญความเสี่ยงมากที่สุด รายงานระบุว่า ตำแหน่งงานประมาณ 2 ใน 3 ในสหรัฐและยุโรปจะเผชิญความเสี่ยงจากเทคโนโลยี Generative AI ในระดับต่าง ๆ โดยอิงตามข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบของอาชีพหลายพันอาชีพ […]
อ่านเพิ่มเติม »