CDC เผยโอไมครอน BA.5 ระบาดลดลง แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ BA.5,BA.2.75 ติดเชื้อเพิ่มขึ้น isranews สำนักข่าวอิศรา โอไมครอน โควิด19
สหรัฐฯเผยรายงานโควิดโอไมครอน BA.5 ระบาดลดลง ขณะ BA.4.6, BA.2.75 พบมีทิศทางเพิ่มขึ้น ส่วนทั่วโลกพบ BA.2.75 มีทิศทางเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่สายพันธุ์หลักยังคงเป็น BA.5 อยู่ เชื่อการฉีดบูสเตอร์เน้นเจาะจงโอไมครอนก่อนฤดูหนาวลดการระบาดได้
อนึ่งสายพันธุ์ย่อย BA.5 นั้นถือว่าเป็นสายพันธุ์ย่อยที่ครองส่วนแบ่งการระบาดเป็นหลักในสหรัฐฯ โดยผู้ติดเชื้อคิดเป็นจำนวน 85 เปอร์เซ็นต์ในสัปดาห์นี้นั้นพบว่าป่วยด้วยโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 แต่อย่างไรก็ตามอัตราส่วนนั้นก็เริ่มจะอยู่ในทิศทางลดลงจากเมื่อเดือน ส.ค. ที่มีผู้ป่วยสายพันธุ์ย่อยนี้อยู่ที่ 87 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 ก็พบว่ามีสัดส่วนการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ ในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม WHO ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการลดการลำดับพันธุกรรมและการลดการตรวจหาเชื้อนั้นควรจะต้องมีการตีความกันให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของระบบการเฝ้าระวังโควิด-19 ด้วยเช่นกัน
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
นักไวรัสวิทยาเผยโอไมครอนแต่ละพันธุ์ย่อยไม่เหมือนกัน ชี้ BA.2.75 หลบภูมิเก่งสุดนักไวรัสวิทยา ยกงานวิจัยต่างประเทศชี้โควิด BA.2.75 หลบภูมิเก่งสุด เผยโอไมครอนแต่ละพันธุ์แตกต่างกัน ตั้งคำถามว่าป้องกันตัวไหนได้
อ่านเพิ่มเติม »
ขมวดปมโควิดโอไมครอนเจน 3 'BA.2.75.2' หลังไทยพบเชื้อรายแรก อินเดียเตือนโลกเฝ้าระวังBA.2.75.2 นั้นมีทักษะสูงที่สุดในแง่ของการหลบหลีกภูมิคุ้มกัน ซึ่งหลักฐานของคำกล่าวอ้างนี้ก็มาจาก พลาสมาของเลือดถูกแยกมาในกลุ่มของผู้ที่ติดเชื้อซึ่งเคยผ่านการฉีดวัคซีนมาแล้ว หรือที่เรียกกันว่าการติดเชื้อแบบก้าวหน้านั่นเอง ซึ่งมีการเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างไวรัสสายพันธุ์ย่อยต่างๆรวมไปถึงสายพันธุ์ย่อย BA.5
อ่านเพิ่มเติม »
แอฟริกาใต้พบโควิด-19 โอมิครอน ‘สายพันธุ์ย่อยใหม่’ : อินโฟเควสท์สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักสาธารณสุขแห่งชาติแอฟริกาใต้ยืนยันการตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน ชื่อว่าบีเอ.2.75 (BA.2.75) ในวันพฤหัสบดี (15 ก.ย.) โดยระบุว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ในปัจจุบัน ฟอสเตอร์ โมฮาเล โฆษกสำนักสาธารณสุขแอฟริกาใต้กล่าวว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยใหม่นี้ถูกตรวจพบครั้งแรกจากตัวอย่างสารคัดหลั่งรายการหนึ่งในจังหวัดกัวเต็งเมื่อเดือนก.ค. แต่หลังจากนั้นยังไม่มีการตรวจพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยใหม่ดังกล่าวในพื้นที่อื่น ๆ อีก โมฮาเลกล่าวว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยใหม่ดังกล่าวเป็นสายพันธุ์ที่ต้องให้ความสนใจ (Variant of Interest) แต่ไม่ใช่สายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variant of Concern) ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบและความรุนแรงใด ๆ เมื่อเทียบกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยบีเอ.4 (BA.4) และบีเอ.5 (BA.5) ที่แพร่ระบาดเป็นวงกว้าง เชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยบีเอ.4 และบีเอ.5 ยังคงเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยหลักที่แพร่ระบาดหนักสุดในแอฟริกาใต้ อย่างไรก็ดี เชื้อไวรัสทั้งสองมีความรุนแรงลดลง เนื่องจากระดับภูมิคุ้มกันของประชาชนสูงขึ้น โดยสำนักสาธารณสุขแอฟริกาใต้ได้แนะนำให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ทั้งนี้ สำนักสาธารณสุขแอฟริกาใต้ระบุว่า แม้แอฟริกาใต้ได้ยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ทั้งหมดแล้ว เนื่องจากมียอดผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่โรคระบาดใหญ่ยังไม่สิ้นสุด โดยโมฮาเลแนะนำประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เข้าฉีดวัคซีนโดสปกติและโดสกระตุ้น โดยขณะนี้มีประชากรมากกว่า 50% เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ …
อ่านเพิ่มเติม »
BA คาดการเดินทาง-จำนวนผู้โดยสาร กลับเข้าสู่ภาวะปกติปี67“บีเอ”เผยผลดำเนินงานครึ่งปีหลังโต หลังนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง เตรียมเปิดเส้นทางการบินเพิ่ม มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้า 8 พันล้าน 'กองรีทสนามบินการบินกรุงเทพ' จ่ายผลตอบแทนปีแรก 8.09% เล็งเพิ่มทรัพย์ใหม่เข้ากอง
อ่านเพิ่มเติม »
สหรัฐเตือนไวรัสฝีดาษลิงอาจกลายพันธุ์ ทำเชื้อดื้อยา-รักษาไม่ได้ผล : อินโฟเควสท์เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐเตือนไม่ให้ใช้ยาชนิดเดียวมากเกินไปในการรักษาโรคฝีดาษลิง โดยระบุว่า หากไวรัสฝีดาษลิงมีการกลายพันธุ์แม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้การใช้ยาดังกล่าวไม่มีประสิทธิผล สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้ปรับปรุงคำแนะนำในสัปดาห์นี้สำหรับยาทีพอกซ์ (Tpoxx) ซึ่งได้แจกจ่ายให้กับผู้ป่วยหลายหมื่นรายที่ติดเชื้อฝีดาษลิง สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ในการปรับปรุงคำแนะนำทางออนไลน์ เจ้าหน้าที่ของ FDA เตือนว่า แม้มีการเปลี่ยนแปลงเพียงระดับโมเลกุลเดียวของเชื้อไวรัสฝีดาษลิง ก็อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการต้านไวรัสของยาทีพอกซ์ เนื่องจากไวรัสมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายการป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงยาที่ใช้รักษา ดังนั้น FDA จึงเน้นย้ำว่า แพทย์ควรระมัดระวังในการสั่งจ่ายยาดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (15 ก.ย.) ว่า ไม่ควรมีการจ่ายยาทีพอกซ์ให้แก่ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงซึ่งไม่ได้มีอาการรุนแรงอีกต่อไป “สำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงนั้น การดูแลแบบประคับประคองและการควบคุมความเจ็บปวด ก็อาจจะเพียงพอแล้ว” เจ้าหน้าที่ CDC ระบุในแถลงการณ์ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »