นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนาของวารสารการเงินธนาคาร “Thailand Next Move 2023 : The Nation Recharge” หัวข้อ “Power for Impact : Creating the Better World” ว่า เท
โดยเทรนด์นี้เป็นหัวข้อสำคัญที่ถูกเน้นอย่างมากบนหลายเวทีระดับโลก ทั้ง Economic Forum 2022 หรืองานรวมผู้นำระดับชาติอาเซียน ตลอดจนงานประชุม APEC ที่จัดขึ้นในประเทศไทย
“สิ่งนี้จะเป็นการร่วมมือกันที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกของเราเคยมีมา ไม่อย่างนั้นโลกของเราจะอยู่ไม่รอด แต่ยิ่งปัญหายิ่งใหญ่ ก็ยิ่งมีโอกาสเยอะ ผู้นำทั่วโลกบอกว่า มหาเศรษฐีระดับล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลกจะไม่ได้มาจากอุตสาหกรรม Blockchain หรือ Digital Asset ไม่ใช่ Elon Musk ไม่ใช่ Jeff Bezos แต่จะเป็นผู้ประกอบการที่มาจาก Climate Tech”
นายจิรายุสขยายความต่อว่า Disruption ที่ใหญ่ที่สุดไม่ได้มาจาก Digital Disruption แต่จะเป็น Disruption ของ Green Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำ ปลายน้ำ ที่ต้องเปลี่ยนกระบวนการผลิตเพื่อความอยู่รอดของโลก แม้แต่ Bill Gate ยังบอกว่า ในช่วง Covid-19 ที่มนุษย์บริโภคทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก ก๊าซเรือนกระจกยังลดลงแค่ 2,000 ล้านตัน ดังนั้น การบริโภคน้อยลงจึงไม่ใช่ทางแก้ของการลดโลกร้อน
จิรายุสยกตัวอย่างว่า บุคคลที่รวยที่สุดในโลกอย่าง Elon Musk มีทรัพย์สินมากกว่า Jeff Bezos ถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ สิ่งที่ทำให้อันดับ 1 ทิ้งห่างอันดับ 2 ได้มากขนาดนี้เพราะ Elon Musk เป็นคนแรกที่ลด Green Premium ของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ และภายในปี 2025 รถไฟฟ้าจะมีราคาถูกกว่ารถสันดาปทั่วโลก รถเกือบทุกคันจะกลายเป็นไฟฟ้า วิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น สถานีชาร์จมีมากขึ้น และจะเกิด Network Effect กับรถสันดาป เป็นจุดที่ Green Premium ได้หายไป เกิด Disruption อย่างรุนแรง เพราะนี่คือการเปลี่ยน Supply Chain...
อุตสาหกรรมที่ 3 คือ อุตสาหกรรมซีเมนต์ เหล็ก ซึ่งมีการสร้างคาร์บอนอยู่ 16% โดยปัจจุบันมีการผลิต ปูนซีเมนต์สีเขียว แต่ยังมีราคาแพงกว่าปกติราว 1 เท่าตัว จึงต้องมี Break Through ที่จะทำให้ราคาถูกลง เพื่อให้อุตสาหกรรมหันมาใช้แต่ Green Cement