BCPG รุกซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ 2 แห่งเกือบ 4 พันลบ.กำลังผลิต 150.98 MW : อินโฟเควสท์

ประเทศไทย ข่าว ข่าว

BCPG รุกซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ 2 แห่งเกือบ 4 พันลบ.กำลังผลิต 150.98 MW : อินโฟเควสท์
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด,ประเทศไทย หัวข้อข่าว
  • 📰 InfoQuestNews
  • ⏱ Reading Time:
  • 58 sec. here
  • 2 min. at publisher
  • 📊 Quality Score:
  • News: 26%
  • Publisher: 68%

BCPG รุกซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ 2 แห่งเกือบ 4 พันลบ.กำลังผลิต 150.98 MW บีซีพีซี หุ้นไทย อินโฟเควสท์

บมจ.บีซีพีจี เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อ BCPG USA Inc เพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกา ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5,000 เหรียญสหรัฐ โดยบริษัทถือหุ้นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566

ต่อมา เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 BCPG USA Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขาย สำหรับธุรกรรมการซื้อขายหุ้นกับ AP Carroll County Holdings LLC และ AP South Field Holdings LLC มีมูลค่าซื้อรวมไม่เกิน 115.00 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะทำให้บริษัทฯ ได้มาซึ่งกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 150.98 เมกะวัตต์

การซื้อหุ้น AP-BCPG CCE Partners LLC ในสัดส่วนร้อยละ 49.00 ของหุ้น ทั้งหมด จาก APCCH โดย AP-BCPG CCE ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 17.76 ในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Carroll County Energy LLC ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 700 เมกะวัตต์ตั้งอยู่ที่เขตแครอล รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา การลงทุนดังกล่าวคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 60.92 เมกะวัตต์

การซื้อหุ้น AP-BCPG SFE Partners LLC ในสัดส่วนร้อยละ 49.00 ของหุ้นทั้งหมด จาก APSFH โดย AP-BCPG SFE ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 15.55 ในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ South Field Energy LLC ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,182 เมกะวัตต์ตั้งอยู่ที่เขตโคลัมเบียนา รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา การลงทุนดังกล่าวคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 90.06 เมกะวัตต์

เราได้สรุปข่าวนี้มาให้อ่านอย่างรวดเร็ว หากสนใจข่าว สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม:

InfoQuestNews /  🏆 7. in TH

ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว

Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้

SNC จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือ 37.78 ล้านหุ้น, ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1.5 พันลบ. : อินโฟเควสท์SNC จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือ 37.78 ล้านหุ้น, ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1.5 พันลบ. : อินโฟเควสท์บมจ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) เปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการขยายระยะเวลาการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนคงเหลือของบริษัท ฯ แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ซึ่งจะครบกำในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 จำนวน ไม่เกิน 37,779,661 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยมีเงื่อนไขการจัดสรรและการมอบอำนาจตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 28/2565 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ทุกประการโดยมีรายละเอียดดังนี้ (1) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวนไม่เกิน 37,779,661 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 10.43 ของทุนชำระแล้วเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) หรือ (2) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวนไม่เกิน 37,779,661 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท […]
อ่านเพิ่มเติม »

KTB คาด GDP ปี 66 โต 3.4% มองท่องเที่ยวเครื่องยนต์หนุนสำคัญหลังส่งออกหดตัว : อินโฟเควสท์KTB คาด GDP ปี 66 โต 3.4% มองท่องเที่ยวเครื่องยนต์หนุนสำคัญหลังส่งออกหดตัว : อินโฟเควสท์Krungthai COMPASS คาดเศรษฐกิจปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว 3.4% เติบโตต่อเนื่องโดยมีภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญ สอดคล้องกับมุมมองของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้น โดยภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากที่ไทยมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สะท้อนจากอัตราการเข้าพักแรมและจำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยในปี 2565 ที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และคาดว่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2566 อีกทั้ง ภาคการท่องเที่ยวยังมีปัจจัยหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่องหลังจากที่จีนเปิดประเทศ โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวอาจมีแนวโน้มสูงกว่าที่เคยประเมินไว้ และคาดว่าจะส่งผลดีต่อเนื่องไปยังการบริโภคภาคเอกชนซึ่งจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงด้านต่ำจากแนวโน้มการส่งออกสินค้าที่อาจชะลอตัวกว่าที่เคยประเมินจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการส่งออกที่หดตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2565 สอดคล้องกับสภาพัฒน์ซึ่งได้ปรับลดประมาณการส่งออกสินค้าโดยมีแนวโน้มหดตัวที่ 1.6% (จากเดิมที่เคยคาดไว้ว่ามูลค่าการส่งออกจะขยายตัว 1.0% ในการประมาณการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565) สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2566 สภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัว ในช่วง 2.7-3.7% (ปรับลดลงจากประมาณการเดิมที่ 3.0-4.0%) ตามแรงส่งของเศรษฐกิจแผ่วลงและแนวโน้มการส่งออกสินค้าที่อาจหดตัวจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงเป็นสำคัญ แต่เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ อานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีนซึ่งเร็วกว่าที่เคยประเมินไว้ และการใช้จ่ายเพื่ออุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวดีต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตเร่งขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (1) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนตามการเปิดประเทศที่เร็วกว่าคาด (2) การขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ […]
อ่านเพิ่มเติม »

นักวิชาการเชื่อ GDP Q4/65 เป็นจุดต่ำสุด มองส่งออก Q2/66 ฟื้น ห่วงหนี้ครัวเรือน-หนี้สาธารณะสูง : อินโฟเควสท์นักวิชาการเชื่อ GDP Q4/65 เป็นจุดต่ำสุด มองส่งออก Q2/66 ฟื้น ห่วงหนี้ครัวเรือน-หนี้สาธารณะสูง : อินโฟเควสท์นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และ อดีตกรรมการสภาวิจัย สาขาเศรษฐศาสตร์ กล่าวถึง พลวัตเศรษฐกิจไทย 2566 ภายใต้ความผันผวนตลาดการเงินและทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ทำให้ภาคการผลิต ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนต้องปรับตัวตลอดเวลา การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ดีกว่าคาดมาก ตลาดการจ้างงานแข็งแกร่ง ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับตัวสูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อจากอุปสงค์ยังไม่ลดลงการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2% จึงต้องอาศัยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่มากขึ้นและยาวนานขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวจากเงินไหลออกจากตลาดการเงินไทยและภาคส่งออกที่ทรุดตัวมากกว่าคาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสี่ของปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ระดับ 1.4% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของสำนักวิจัยส่วนใหญ่ค่อนข้างมาก ชะลอตัวลงจากการขยายตัวร้อยละ 4.6% ในไตรมาสสามของปี พ.ศ. 2565 จีดีพีที่ต่ำกว่าคาดการณ์มากในไตรมาสสี่เป็นผลมาจาการปิดประเทศของจีนในช่วงไตรมาสสามและสี่ปีที่แล้วและผลของการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก อัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกของจีนติดลบ -6.9% และญี่ปุ่นติดลบ -4.6% เกาหลีใต้หดตัว -10% ไต้หวัน -8.6% และ โดยประเทศเหล่านี้เป็นห่วงโซ่อุปทานภาคการผลิตเพื่อส่งออกที่เชื่อมโยงกับไทย ปัจจัยภายนอกดังกล่าวทำให้มูลค่าส่งออกของไทยลดลงติดลบ 7.5% ในไตรมาสสี่และคาดว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว โดยประเมินว่าไตรมาสสองภาคส่งออกของไทยน่าจะมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลมากขึ้น โอกาสที่เงินบาทอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆจึงไม่เกิดขึ้น การอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงนี้จึงเป็นปรากฎการณ์ระยะสั้น บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในตลาดหลักทรัพย์มีผลกำไรชะลอตัวลง เมื่อบวกเข้ากลับแรงกดดันจากอุตสาหกรรมการเงินที่กระตุ้นผลลัพธ์ระยะสั้น ทำให้เกิดความไม่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจที่แท้จริงเท่าไหร่นัก หมายความว่า เงินบาทที่อ่อนค่าและดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับฐานลงมาแรงไม่ได้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและอนาคตมากนัก โดยเศรษฐกิจไทยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ภาคการบริโภคและการขยายตัวของกำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ส่วนความเสี่ยงสำคัญ […]
อ่านเพิ่มเติม »

IDC เผยยอดจัดส่งแท็บเล็ตจีน Q4/65 พุ่ง 16.7% : อินโฟเควสท์IDC เผยยอดจัดส่งแท็บเล็ตจีน Q4/65 พุ่ง 16.7% : อินโฟเควสท์อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น (IDC) เผยว่า ยอดจัดส่งแท็บเล็ตของจีนขยายตัว 16.7% ในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.66 ล้านเครื่อง IDC ระบุว่า ยอดจัดส่งแท็บเล็ตขยายตัวขึ้น 5.2% เมื่อเทียบรายปี ทำให้ยอดจัดส่งขยายตัวขึ้นเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันในปี 2565 IDC ระบุว่า การปรับตัวขึ้นของยอดจัดส่งในปี 2565 มาจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของแท็บเล็ต การผลักดันเทคโนโลยีจากห่วงโซ่อุปทานโทรศัพท์มือถือ และการมีส่วนร่วมในเชิงลึกมากขึ้นของแบรนด์โทรศัพท์มือถือในตลาดแท็บเล็ต เมื่อพิจารณาจากด้านราคา พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาต่ำกว่า 1,000 หยวน (ราว 145.6 ดอลลาร์สหรัฐ) และผลิตภัณฑ์ที่มีราคาระหว่าง 2,000-3,000 หยวน มีส่วนแบ่งตลาดในไตรมาส 4/2565 ที่น้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงกว่า ซึ่งมีราคามากกว่า 3,000 หยวนถือครองส่วนแบ่งตลาดเป็นส่วนใหญ่ IDC คาดว่า ในปี 2566 แท็บเล็ตที่ใช้งานง่ายได้ง่ายขึ้น และมีราคาที่สามารถแข่งขันได้ รวมถึงแท็บเล็ตแบบปรับแต่งเองได้ จะเข้าถึงภาคครัวเรือนและบริษัทต่าง […]
อ่านเพิ่มเติม »

รัฐบาลออกประกาศ 'เด็กท้องต้องได้เรียน' แม่วัยรุ่นต้องได้โอกาสทางการศึกษา : อินโฟเควสท์รัฐบาลออกประกาศ 'เด็กท้องต้องได้เรียน' แม่วัยรุ่นต้องได้โอกาสทางการศึกษา : อินโฟเควสท์นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ราชกิจจานุเบกษา (18 กุมภาพันธ์ 2566) ได้เผยแพร่กฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษา ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยมีความว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ 7 แห่งกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษา และการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ข้อ 7 สถานศึกษาตามข้อ 2 ที่มีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษา ต้องไม่ให้นักเรียนหรือนักศึกษานั้นออกจากสถานศึกษาดังกล่าว เว้นแต่เป็นการย้ายสถานศึกษา ตามความประสงค์ของนักเรียนหรือนักศึกษานั้น ทั้งนี้ ในท้ายกฎกระทรวง ได้ระบุเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงเอาไว้ด้วยว่า… ปัจจุบันพบว่ามีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์ถูกสถานศึกษาให้ย้ายสถานศึกษาโดยมิได้สมัครใจสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การดำเนินการของสถานศึกษาเพื่อเป็นการคุ้มครองวัยรุ่นซึ่งตั้งครรภ์ขณะที่เป็นนักเรียนหรือนักศึกษาให้มีสิทธิได้รับการศึกษาในสถานศึกษาด้วยรูปแบบที่เหมาะสมและต่อเนื่องตามความประสงค์ของนักเรียนหรือนักศึกษานั้น จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ นางสาวรัชดา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเยาวชนซึ่งจะเป็นอนาคตชาติ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่กระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงให้สถานศึกษาทุกระดับที่มีเด็กตั้งครรภ์ ต้องไม่ให้เด็กออกจากสถานศึกษา […]
อ่านเพิ่มเติม »



Render Time: 2025-03-21 05:59:43