AWC จัดหนัก 800 ลบ.แปลงโฉม PANTIP เชียงใหม่จากศูนย์ไอทีสู่ไลฟ์สไตล์ฮับเปิด Q3/66 AWC ไอที PANTIP เชียงใหม่ อินโฟเควสท์
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป กล่าวว่า
THE PANTIP LIFESTYLE HUB เชียงใหม่ ยังตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ในย่านถนนช้างคลาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ใกล้กับแม่น้ำปิงและไนท์บาซาร์ รวมถึงโครงการอื่นๆของ AWC ที่เปิดให้บริการ และมีแผนเปิดให้บริการในปี 66 ได้แก่ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่, โรงแรม มีเลีย เชียงใหม่, โรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ และโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง
ATTRACTIONS : แลนด์มาร์คสำหรับกิจกรรมความสนุกหลากหลายเสมือนห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่สุด ในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการจัดสรรพื้นที่มากกว่า 3,800 ตารางเมตร ที่รวบรวมทุกกิจกรรมของทุกคนในครอบครัว ครบครันด้วยร้านค้าและบริการ ศูนย์การเรียนรู้ ชั้นนำ สนามเด็กเล่น เสริมสร้างประสบการณ์สำหรับเด็ก รวมถึงฟิตเนส ศูนย์สุขภาพและความงาม สำหรับคุณพ่อคุณแม่ และพื้นที่สำหรับสำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ...
LIFESTYLE MARKET : แหล่งไลฟ์สไตล์สำหรับทุกคน พร้อมต้อนรับทุกการพบปะสังสรรค์ รวมถึงการริเริ่มโครงการต่างๆ เปิดโอกาสให้ชุมชนและพันธมิตรร่วมสร้างประสบการณ์จัดโปรแกรม อาทิ กลุ่มที่ชื่นชอบสินค้าเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ กลุ่มที่ชื่นชอบงานศิลปะ หรือกลุ่มที่ชอบตกแต่งบ้านและสวน รวมถึงกลุ่มรักสุขภาพ หรือกลุ่มรักกิจกรรมแนวธรรมชาติ และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อสร้างคุณค่าระยะยาว ร่วมเติบโตกันกับชุมชน ส่งเสริมคุณค่าศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น...
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
บูรณะหลวงพ่อองค์ใหญ่ อายุกว่า 800 ปี วัดเขาพระทอง เจอเลขเด็ดโผล่แผ่นหลังเจ้าหน้าที่ลงมือบูรณะ หลวงพ่อองค์ใหญ่ อายุกว่า 800 ปี วัดเขาพระทอง งานนี้คนตาดี เจอเลขด้านหลังองค์พระ หวยไทยรัฐ เลขเด็ด ไทยรัฐออนไลน์
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: เศรษฐา หาเสียงเชียงใหม่ ลั่นหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเร่งแก้ PM2.5 : อินโฟเควสท์นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พบปะพ่อค้าประชาชนในช่วงเช้า ที่ตลาดเมืองใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งขายสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นจุดศูนย์กลางในขนส่ง-กระจายสินค้า ทางการเกษตรไปยังแหล่งจำหน่ายต่างๆ ในจังหวัด ต่อจากนั้น นายเศรษฐา ได้เดินทางไปที่สี่แยกรินคำ ซึ่งเป็นจุดวัดค่าฝุ่นที่สำคัญจุดหนึ่งของ จ.เชียงใหม่ โดยนายเศรษฐาได้พูดคุยกับส.ส.ในพื้นที่ และนายสมชาย ทองคำรูณ กรรมการบริษัท green bus รองประธานหอการค้า จ.เชียงใหม่ นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายก อบจ.เชียงใหม่ และนายสมโภช ลิ้มเล็งเลิศ รองประธานหอการค้า จ.เชียงใหม่ ถึงผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย นายเศรษฐา กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ว่า เป็นปัญหาที่ต้องการผู้นำที่เอาใจใส่จริงจังในการแก้ไข ไม่ว่าการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการเผาทั้งหลาย […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:'นฤมล'ย้ำนโยบายพปชร.เน้นทำได้จริงไม่พึ่งงบประมาณทั้งหมดมองหารายได้เพิ่ม : อินโฟเควสท์นางสาวนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กรรมการบริหารพรรค-เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า นโยบายของพปชร.มุ่งเน้นการทำได้จริงไม่ใช่เป็นแค่การหาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนและเมื่อทำแล้วจะมีคำตอบว่าใช้งบประมาณของประเทศหรือไม่ อย่างไร รวมไปถึงแหล่งรายได้ที่จะเกิดขึ้น และที่สำคัญนโยบายต่างๆ ของพปชร.จะมองแบบครบวงจรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งการดำเนินงานและการใช้งบประมาณ “คำว่านโยบาย ถ้าแปลกันจริงๆ ต้องเป็นเรื่องที่มองระยะยาว ประเภททำเป็นปีแล้วเลิก หรือแค่มาเขียนบนป้ายหาเสียงไว้เฉยๆ เพื่อให้ได้คะแนน แบบนี้สำหรับพปชร.เราไม่เรียกว่านโยบาย เปรียบเสมือนองค์กรเราจะเลือกผู้นำหรือทีมบริหารเราก็ต้องดูทีมดังกล่าวมีศักยภาพ มีวิสัยทัศน์อย่างไร ไม่ใช่แข่งกันว่าใครใช้เงินเก่งกว่ากัน แต่ไม่พูดเลยว่าหาเงิน รายได้จากไหนพูดแต่จะจ่ายอย่างเดียว “นางสาวนฤมลกล่าวย้ำ สำหรับนโยบายพปชร.จะมีการสื่อสาร 2 ระดับคือชุดนโยบายจริงๆ ที่จะมีเรื่องของการหารายได้และรายได้ที่จะได้มาในการนำไปช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งในป้ายหาเสียงอาจเห็นเพียงบางส่วนต้องมองภาพรวมทั้งก้อน ต้องคิดครบวงจรและอยากให้ทุกพรรคการเมืองคิดแบบครบวงจรจริงๆ โดยแหล่งรายได้ที่จะนำมาทำนโยบายที่พรรคหาเสียงไว้ ซึ่งไทยมีรายได้แต่ละปีมาจากการจัดเก็บภาษีต่างๆอยู่ 2.4-2.5 ล้านล้านบาทที่ไม่เพียงพอรายจ่ายที่มีกันอยู่ราว 3.2-3.3 ล้านล้านบาทต่อปีจะสามารถเพิ่มส่วนนี้อย่างไร โดยปัจจุบันมีการกู้อยู่ประมาณ 7 แสนล้านบาทซึ่งเงินกู้นี้ทำได้อย่างเดียวตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ฯ บัญญัติไว้ว่า งบประมาณรายจ่ายเพื่อการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศต้องมีไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินทั้งหมดในร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปี ด้วยข้อจำกัดในการเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นคงยากและการกู้คงมากไปกว่านี้ไม่ได้เพราะติดเพดานหนี้สาธารณะ จึงมองการหาแหล่งรายได้จากทางอื่นคือการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หมายถึง การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public. Private Partnership หรือ PPP)เพื่อลดภาระรายได้ที่จะได้มาจากการเก็บภาษี และอีกส่วนหนึ่งคือการใช้ศักยภาพของตลาดทุนโดยการตั้งกองทุนเพื่อระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: 'กิตติรัตน์' ย้ำ 'เติมเงินดิจิทัล' ช่วยฟื้นไข้เศรษฐกิจหยุดป่วยเรื้อรัง : อินโฟเควสท์นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง มาตรการเติมเงินดิจิทัล ว่าเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นขึ้นอีกครั้ง และมาตรการนี้ เป็นหนึ่งในชุดนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ที่จะดำเนินการเพื่อหยุดยั้งสถานการณ์ที่เลวร้าย กระตุ้นหัวใจ จากการบริหารด้านเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของรัฐบาลชุดก่อน จนประเทศป่วยเรื้อรัง ดังนั้นการ “หยอดน้ำข้าวต้ม” หรือ “แจกเงิน” แบบกระปริบกระปรอยแบบที่เคยทำมา จึงไม่ทำให้ประเทศฟื้นตัว และคนไทยส่วนใหญ่หลุดพ้นความยากจนไม่ได้ นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าเกินไป เผชิญภาวะเงินฝืดราคาเฟ้อ (Stagflation) ความสามารถทางการแข่งขันของประเทศลดลง ความเหลื่อมล้ำรุนแรงขึ้น (รวยกระจุก จนกระจาย) หนี้สาธารณะสูงขึ้นมาก หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ประชาชนส่วนใหญ่ยากจนลง (ค่าครองชีพสูงขึ้นมาก แต่รายได้ไม่เพิ่ม) NPL ในสถาบันการเงินไต่ระดับเพิ่มขึ้น ผู้สำเร็จการศึกษาหางานทำไม่ได้ และการส่งออกส่งสัญญาณอ่อนแรง ซึ่งน่าเสียดายที่รัฐบาลชุดก่อน แม้จะมีเวลาแก้ไข แต่กลับไม่รู้สึกตัวและไม่คิดแก้ไขอะไร ยังพอใจเพียงการ “แจกเงิน” แบบกระปริบกระปรอยจนกลายเป็นภาวะ “เรื้อรัง” มองไม่เห็นความหวังที่จะช่วยให้คนส่วนใหญ่ของประเทศหลุดพ้นความยากจน ในฐานะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เห็นว่า มาตรการกระตุ้นด้วยการเติมเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยนี้ นอกจะสามารถป้องกันเศรษฐกิจจากความเสี่ยงที่จะซวนเซจนยากที่จะแก้ไขแล้ว ยังเป็นการสร้างความพร้อมให้กับการพลิกฟื้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพราะการดำเนินการนี้ […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:'เศรษฐา'ปลื้มคนอุบลฯยกให้เพื่อไทยอันดับหนึ่ง : อินโฟเควสท์นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผลโพลของคนอุบลราชธานี พรรค พท. ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในขณะที่นายเศรษฐา อันดับ 4 ว่า ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปจากที่ทำงานหรือหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย เราก็มุ่งมั่นเดินสาย พูดคุยกับพี่น้องประชาชนต่อ และต้องขอขอบคุณพี่น้องอุบลฯ ทั้งนี้วันที่ 14 พ.ค. จะเป็นวันที่ชี้ขาด ถามต่อว่า การที่โพลออกมาเช่นนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่ที่เราจะได้ 376 เสียง นายเศรษฐา กล่าวว่า เราพยายามจะทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราทำได้ ระหว่างนี้เราก็เคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน เรายังคงเดินหน้าทำงานหนักต่อเหมือนเดิม ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวเสริมตั้งข้อสังเกตเรื่องโพลว่า เป็นผลสำรวจก่อนวันที่ 30 มี.ค. ซึ่งเป็นวันก่อนการประกาศนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จึงเชื่อว่าหากนโยบายโดนใจประชาชนแบบนี้จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของโพล โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: 'ธนกร'จัดคิว'บิ๊กตู่'พบประชาชนรับกระแส รทสช.ดีต่อเนื่อง : อินโฟเควสท์นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสักนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า อยากเชิญชวนประชาชนที่คิดว่าในวันที่ 14 พ.ค.ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งทั่วไป อาจจะไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันดังกล่าวได้ ให้รีบลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า โดยวันที่ 9 เม.ย.เป็นวันสุดท้ายของการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งแบบในเขตและนอกเขตเลือกตั้ง รวมทั้งการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ให้รีบดำเนินการ ซึ่งกกต.ได้อำนวยความสะดวกในหลายช่องทาง ทั้งนี้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคน อยากได้พรรคไหน อยากได้ผู้นำแบบใดจะได้ไปเลือกด้วยมือของตัวเอง นายธนกร กล่าวอีกว่า ขณะนี้แต่ละพรรคการเมืองต่างแข่งขันประชันนโยบายเพื่อเป็นตัวเลือกให้ประชาชนพิจารณา พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ก็ขออาสาและเสนอตัวรับใช้ประชาชนให้เกิดความต่อเนื่อง ตามที่ประกาศ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” มีหลายนโยบายดีๆ ที่ต้องสะสางให้สำเร็จ หากพรรคอื่นเข้ามาอาจไม่มาสานต่อเรื่องที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำไว้ ก็จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ดังนั้นขอโอกาสกาเบอร์ 22 ให้พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาทำงานต่อให้ประเทศพัฒนาอย่างก้าวกระโดด “หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ ร่วมลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ขึ้นเวทีปราศรัย ในเรื่องการหาเงินเข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาท ซึ่งทำได้จริง ไม่ขายฝัน สามารถทำได้ในระยะเวลา 2-3 ปี […]
อ่านเพิ่มเติม »