วันพฤหัสบดีที่ 7 มี.ค.นี้ คือวันชี้ชะตาว่าสุดท้ายแล้ว พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จะได้ไปต่อจนถึงวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. หรือจะถูกยุบพรรคเสียก่อน
วันพฤหัสบดีที่ 7 มี.ค.นี้ คือวันชี้ชะตาว่าสุดท้ายแล้ว พรรคไทยรักษาชาติ จะได้ไปต่อจนถึงวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. หรือจะถูกยุบพรรคเสียก่อน
หลังที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันพุธที่ 27 มี.ค. ลงความเห็นว่า จากคำร้องของ กกต.และคำชี้แจงข้อกล่าวหาของพรรค ทษช. ทำให้มีพยานหลักฐานเพียงพอต่อการวินิจฉัยคดี จึงไม่ต้องเปิดห้องพิจารณาไต่สวนคดีและเรียกพยานมาเบิกความตามที่พรรค ทษช.ยื่นคำร้อง ดังนั้น จึงนัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันพฤหัสบดีที่ 7 มี.ค. เพื่อให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละคน แถลงคำวินิจฉัยส่วนตนและลงมติเพื่อทำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรค ทษช. ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรค ทษช.
2.มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค ทษช. เนื่องจากกระทำความผิดตามคำร้องของ กกต. โดยหากออกมาแบบนี้ พรรค ทษช.ก็สิ้นสภาพโดยทันทีในวันที่ 7 มี.ค. เท่ากับผู้สมัคร ส.ส.ของ ทษช.ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อทั้งหมด สิ้นสภาพยกพรรคเพราะพรรคถูกยุบ อันมีผลทำให้ ทษช.
ขณะเดียวกัน หากศาล รธน.มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค ทษช. ก็ต้องลุ้นกันต่อว่า แล้วศาล รธน.จะลงโทษ-ตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรค ทษช. ที่ร่วมลงมติเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ด้วยหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้นักกฎหมายบางสำนักชี้ประเด็นว่า ความเป็นพรรค ทษช. ที่เป็นนิติบุคคล ไม่สามารถไปทำอะไรเองได้ ทุกอย่างต้องเกิดจากผู้บริหาร กรรมการบริหารพรรค เปรียบเสมือนบริษัท จำกัด หากทำผิดกฎหมายแล้วโดนดำเนินคดี ตัวกรรมการบริษัท-ผู้บริหารก็ต้องรับผิดชอบ จนมีการมองกันว่า หากพรรค ทษช.ถูกยุบ กรรมการบริหารพรรค ทษช.