แบงค็อก ยูไนเต็ด คือหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์ ไทยลีก 2023-24 และผลงานใน 4 นัดแรกของฤดูกาลพวกเขาทำได้ยอดเยี่ยมเสียด้วยกับการนำเป็นจ่าฝูง ทว่านับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25 กันยายน เป็นต้นไป บียูจะเผชิญหน้ากับโปรแกรมสุดโหด ซึ่งยิงยาวไปจนถึงปลายพฤศจิกายน เป็นจำนวน 10 เกม เลยทีเดียว ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขอพาคุณไปพบกับห้วงเวลาที่จะพิสูจน์ว่าทัพแข้งเทพมีดีพอจะก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แล้วหรือยัง!?
เพียงแค่แมตช์แรกของโปรแกรมอันหนักหน่วง - แบงค็อก ก็ต้องปะทะคู่แข่งแย่งแชมป์ ไทยลีก โดยตรงอย่าง บีจี ปทุม ที่กำลังฟอร์มดี แม้ว่าทีมกระต่ายแก้วจะบุกไปปราชัยต่อ อุลซาน ฮุนได ในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตาม แต่เมื่อกลับมาเล่นในประเทศ ยังไงเสียพวกเขาก็น่ากลัวเสมอ
จุดหนึ่งที่สาวกแข้งเทพน่าจะชื่นใจหน่อย ก็ตรงที่พวกเขาเพิ่งขย่มปราสาทสายฟ้าในถ้วย ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ ก่อนที่ฤดูกาล 2023-24 จะเปิดฉาก อีกทั้ง ณ ทรู สเตเดี้ยม เมื่อซีซั่นก่อน บียูก็เป็นทีมแรกที่ยัดเยียดความปราชัยให้กับ บุรีรัมย์ ที่สนามนี้ ยังคงอยู่ในช่วงหนักหน่วงของ แบงค็อก แม้ว่าจะยังได้เล่นในบ้านตัวเองเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน แต่อาคันตุกะจากแดนล้านนานั้นมีผลงานที่ยอดเยี่ยมมากๆ ในฤดูกาล 2023-24 อีกทั้งสไตล์การเล่นที่เหนียวแน่น ก็น่าจะทำให้บียูอึดอัดแน่ๆ
ซีซั่น 2023-24 ฉลามแห่งเมืองชลยังไม่แพ้ใครใน ชลบุรี ยูทีเอ สเตเดี้ยม อีกทั้งขุมกำลังชุดปัจจุบันก็ยังคงอุดมไปด้วยนักเตะวัยฉกรรจ์ที่น่าจะสร้างความลำบากใจให้ฝั่งตรงข้ามได้เสมอ ซึ่งจุดนี้แหละที่บียูจะต้องระวังให้ดี เนื่องจากจะต้องเผชิญหน้ากับการเพรสซิ่งตลอด 90 นาที เป้าหมาย: ต้องเสมอกลับมาให้ได้เป็นอย่างน้อย แต่ก็มีลุ้นถึงชนะ ซึ่งถ้าทำได้ โอกาสลอยลำสู่รอบน็อก-เอาต์จะสูงขึ้นทวีคูณ เสร็จศึกกับ คิตฉี ก็ยังมี ราชบุรี อีกหนึ่งทีมแกร่งของ ไทยลีก ที่รอเผชิญหน้ากับ แบงค็อก ด้วยใจจดจ่อ และที่สำคัญคือเวลาคู่นี้เจอกันทีไร รูปเกมจะสูสีมากๆ สกอร์ไม่เคยห่างกันเกิน 1 ประตู มาร่วม 15 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว
หากนับเฉพาะ ไทยลีก การท่าเรือ ไม่แพ้ใครในบ้านตัวเองมา 5 นัด แถมทุกครั้งที่เป็นเกมใหญ่ สาวกสิงห์เจ้าท่าก็มักจะสร้างความสยดสยองให้กับอาคันตุกะอยู่เสมอ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีแต้มออกจากสนามแห่งนี้