'ไบเดน' ลงนามบังคับใช้มาตรการปกป้องการโอนข้อมูลระหว่างสหรัฐและอียู สหรัฐ อียู โจไบเดน อินโฟเควสท์
ทำเนียบขาวประกาศว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี เพื่อบังคับใช้กรอบการทำงานรูปแบบใหม่ “Privacy Shield 2.0” โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่แบ่งปันร่วมกันระหว่างสหรัฐและยุโรป
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า กรอบการทำงานใหม่นี้ช่วยเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญด้านการปกป้องข้อมูลทั่วภูมิภาคแอตแลนติก นับตั้งแต่ที่ศาลยุติธรรมยุโรปยกเลิกกรอบการทำงานเดิมในปี 2563 หลังศาลพบว่า สหรัฐมีความสามารถในการสอดส่องข้อมูลของยุโรปที่ถ่ายโอนผ่านระบบก่อนหน้านี้มากเกินไป นายเจมส์ ซัลลิแวน ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ณ เวลานั้น ได้ระบุในจดหมายเปิดผนึกสั้น ๆ ภายหลังการตัดสินใจไว้ว่า คดี “Schrems II” ได้สร้างความไม่มั่นคงใหญ่หลวงต่อความสามารถของบริษัทต่าง ๆ ในการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากสหภาพยุโรป ไปยังสหรัฐ ซึ่งผลลัพธ์ของคดีดังกล่าวได้ทำให้บริษัทในสหรัฐต้องใช้ “กลไกการถ่ายโอนข้อมูลที่ได้รับการอนุมัติจากสหภาพยุโรป” ที่แตกต่างกันในแต่ละกรณี...
ทั้งนี้ กรอบการทำงาน Privacy Shield 2.0 จะให้แนวทางใหม่เพื่อผ่อนคลายความกังวลของยุโรปที่มีต่อความเป็นไปได้ในการสอดส่องข้อมูลจากหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐ กรอบการทำงานใหม่นี้จะช่วยให้บุคคลในสหภาพยุโรปสามารถยื่นขอการชดใช้ผ่านทางศาลตรวจสอบการคุ้มครองข้อมูลอิสระ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกนอกรัฐบาลสหรัฐ และหน่วยงานดังกล่าว “จะมีอำนาจเต็มที่” ในการตัดสินข้อเรียกร้องและออกมาตรการแก้ไขตามความจำเป็น
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เตือนสหรัฐหนาวนี้เฝ้าระวัง ‘โควิดพันธุ์ใหม่’ ที่ร้ายกว่าเดิมหนาวนี้มีผวา “นพ.เฟาชี” หัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตือนชาวอเมริกันว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายกว่าเดิมอาจจะปรากฏขึ้นได้อีก
อ่านเพิ่มเติม »
รัฐบาล เผยมาตรการภาษีหนุนยอดรถ EV แตะ 2.8 แสนคัน เร่งแก้เบี้ยประกัน : อินโฟเควสท์น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV)ในประเทศไทยซึ่งประชาชนให้ความสนใจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรการจูงใจทางภาษี ซึ่งปัจจุบันนี้ มีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 2.84 แสนคัน แบ่งเป็น รถยนต์ไฮบริด 2.28 แสนคัน รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอิน 3.7 หมื่นคัน และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอร์รี่ 1.8 หมื่นคัน และมีการประเมินจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า สิ้นปี 2565 ยอดขายรวม 6.3 หมื่นคัน แบ่งเป็น รถยนต์ไฮบริด 4.2 หมื่นคัน รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอิน 1.1 หมื่นคัน และ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอร์รี่ 1 หมื่นคัน อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประชาชนลังเลในการตัดสินใจซื้อรถ EV คือ เบี้ยประกัน ที่พบว่า เบี้ยประกันภัยของรถยนต์ไฟฟ้าแพงกว่าเบี้ยประกันภัยของรถยนต์ทั่วไปอย่างมาก ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยในช่วงนี้บริษัทประกันภัยรถ EV จะไม่มีการขึ้นเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมโดยบริษัทจะคงราคานี้ไว้ไปก่อน ส่วนอนาคต ทางคปภ. จะพิจารณากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ …
อ่านเพิ่มเติม »
ฮ่องกงประมูลเพชรสีชมพูได้ราคาต่อกะรัตสูงสุดทุบสถิติโลก : อินโฟเควสท์ฮ่องกงจัดประมูลขายเพชรสีชมพูได้ราคาสูงถึง 49.9 ล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ (7 ต.ค.) ซึ่งนับเป็นราคาประมูลเพชรต่อกะรัตสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ เพชรวิลเลียมสัน พิงค์ สตาร์ (Williamson Pink Star) ขนาด 11.15 กะรัตที่จัดประมูลโดยบริษัทโซเธบี้ส์ ฮ่องกงนั้น ประมูลขายได้ในราคา 392 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (49.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากราคาขั้นต้นที่ประมาณ 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เพชรวิลเลียมสัน พิงค์ สตาร์ เป็นเพชรสีชมพูขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ที่มีการนำมาประมูล โดยเพชรสีชมพูเป็นหนึ่งในเพชรสีที่หายากและมีค่ามากที่สุด สำหรับชื่อของเพชรวิลเลียมสัน พิงค์ สตาร์นั้น ได้มาจากเพชรสีชมพูในตำนานสองเม็ด โดยเม็ดแรกคือเพชรวิลเลียมสัน (Williamson) ขนาด 23.60 กะรัต ซึ่งถูกถวายเป็นของขวัญในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสให้กับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 2490 ในขณะที่เพชรเม็ดที่สองคือเพชรพิงค์ สตาร์ (Pink Star) ขนาด 59.60 กะรัตซึ่งขายได้ในราคา 71.2 ล้านดอลลาร์ในการประมูลเมื่อปี …
อ่านเพิ่มเติม »
'ปูติน' ลงนามกฤษฎีกาจัดตั้งบริษัทใหม่ดูแลโครงการน้ำมันซาคาลิน 1 : อินโฟเควสท์ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียได้ลงนามในกฤษฎีกาในวันศุกร์ (7 ต.ค.) เพื่อจัดตั้งบริษัทปฏิบัติการใหม่สำหรับดูแลโครงการน้ำมันและก๊าซซาคาลิน 1 (Sakhalin 1) ทั้งนี้ รัสเซียจะสอบถามหุ้นส่วนต่างชาติว่า พวกเขายังคงต้องการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนบางส่วนจากรัฐบาลและบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงบริษัทอิโตชู คอร์ป และบริษัทมารูเบนิ คอร์ป ผ่านทางบริษัทซาคาลิน ออยล์ แอนด์ ก๊าซ ดีเวล็อปเมนต์ หรือ SODECO สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า SODECO ถือหุ้น 30% ในโครงการซาคาลิน 1 ซึ่งเริ่มผลิตน้ำมันดิบในปี 2548 โดยกฤษฎีการะบุว่า หุ้นส่วนธุรกิจต่างประเทศจะมีเวลาหนึ่งเดือนในการตัดสินใจว่าจะลงทุนในบริษัทใหม่หรือไม่ รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นซึ่งต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานเป็นอย่างมาก จะยังคงถือหุ้นในโครงการพลังงานซาคาลิน 1 และ 2 แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซียนับตั้งแต่การรุกรานยูเครนก็ตาม ด้านบริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ปของสหรัฐซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโครงการซาคาลิน 1 ประกาศเมื่อเดือนมี.ค.ว่า บริษัทได้ถอนตัวออกจากโครงการดังกล่าว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
รัฐบาล คาดเปิดให้เอกชนเข้าพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ศูนย์ธุรกิจ EEC-เมืองใหม่น่าอยู่ฯ ปี 66 : อินโฟเควสท์น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายในการพัฒนาศูนย์กลางธุรกิจ และการเงินระดับภูมิภาคในพื้นที่ EEC โดยมติคณะรัฐมนตรี (วันที่ 22 มีนาคม 2565) ได้อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จำนวน 14,619 ไร่ ในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ดำเนินโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ เป็น “ศูนย์กลางธุรกิจและการเงินระดับภูมิภาค” เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต โดยธรรมชาติ มนุษย์ และเทคโนโลยีอยู่ร่วมกันมุ่งสู่เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy) เป็นพื้นที่แห่งนวัตกรรมและคุณภาพชีวิตระดับสากลของประเทศไทยและจะเป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ 1 ใน 10 ของโลกในปี 2580 โดยคาดว่าสามารถสร้างงานทางตรง 200,000 คน มูลค่าการจ้างงาน 1.2 ล้านล้านบาทภายในปี 2575 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดเตรียมพื้นที่ และภายในปี 66 เปิดให้เอกชนเข้าพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ …
อ่านเพิ่มเติม »
เกิดเหตุระเบิดบนสะพานเคิร์ชในไครเมียที่เชื่อมต่อกับรัสเซีย สั่งปิดการจราจรแล้ว : อินโฟเควสท์สำนักข่าว RIA ของทางการรัสเซียรายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้รถบรรทุกถังน้ำมันบนสะพานเคิร์ชในไครเมียเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (8 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่สื่อของยูเครนก็รายงานเหตุระเบิดดังกล่าวเช่นกัน “จากข้อมูลเบื้องต้น รถบรรทุกถังน้ำมันได้เกิดเพลิงไหม้บนส่วนหนึ่งของสะพานของไครเมีย” RIA รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายหนึ่ง ทั้งนี้ ได้มีการสั่งปิดการจราจรบนสะพานดังกล่าวแล้ว ขณะที่สื่อของยูเครนรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดบนสะพานเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. หรือ 10.00 น.ตามเวลาไทย อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ยังไม่สามารถตรวจสอบรายงานข่าวดังกล่าว ด้านที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์หลังจากเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว ซึ่งทำให้สะพานที่เชื่อมระหว่างรัสเซียกับคาบสมุทรไครเมียที่ถูกยึดครองได้รับความเสียหาย โดยเขาระบุว่าเป็นเพียง “การเริ่มต้น” แต่ไม่ได้อ้างว่าเป็นความรับผิดชอบของยูเครนโดยตรงแต่อย่างใด โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »