แอปเปิ้ล เจออุปสรรคขณะพยายามเพิ่มการผลิตที่อินเดีย อินโฟเควสท์
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ กำลังเผชิญอุปสรรคขณะพยายามเพิ่มการผลิตในอินเดีย
ทั้งนี้ แอปเปิ้ลได้ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนหลังจากมาตรการคุมโควิด-19 ที่เข้มงวด ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกทั้งความตึงเครียดเรื่องการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลสหรัฐได้ทวีความรุนแรงขึ้นอีก แหล่งข่าวระบุว่า ในโรงงานผลิตของแอปเปิ้ลที่อยู่ทางตอนใต้ของอินเดียซึ่งดำเนินงานโดยทาทา กรุ๊ป มีส่วนประกอบเพียงประมาณครึ่งหนึ่งจากสายการผลิตเท่านั้นที่สภาพดีพอที่จะสามารถส่งไปยังบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ ที่เป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิ้ลได้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประสิทธิภาพการผลิตเพียง 50% นี้ ไม่บรรลุเป้าหมาย “ความบกพร่องเป็นศูนย์” ที่แอปเปิ้ลตั้งไว้ นอกจากนี้ กระบวนการขยายธุรกิจของแอปเปิ้ลในอินเดียก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากความท้าทายด้านโลจิสติกส์ ภาษีศุลกากร และโครงสร้างพื้นฐาน
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เพิ่มสินค้าเฝ้าระวังแอบอ้างถิ่นกำเนิดในไทยเป็น 48 รายการ มีผล ก.พ.66 : อินโฟเควสท์นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1 ส.ค.65 ที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศ ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องยื่นขอตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงในการแอบอ้างถิ่นกำเนิด (สินค้าเฝ้าระวัง) จำนวน 42 รายการ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบในการขอ Form CO ทั่วไปนั้น พบว่าในปีที่ผ่านมา (ส.ค. – ธ.ค.65) กรมการค้าต่างประเทศ ได้ดำเนินการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า และจัดส่งเอกสารผลการตรวจให้แก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งสิ้น 593 ฉบับ แบ่งเป็นสินค้าที่ได้ถิ่นกำเนิดไทย จำนวน 584 ฉบับ ได้แก่ ส่วนประกอบรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ทำด้วยไม้ จักรยาน มอเตอร์กระแสสลับอื่นๆ และจักรยานไฟฟ้า เป็นต้น สำหรับสินค้าที่ไม่ได้ถิ่นกำเนิดไทยของผู้ประกอบการบางราย มีจำนวน 9 ฉบับ ได้แก่ รถจักรยานสองล้อ จักรยานไฟฟ้า ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ ล้ออัลลอย และดุมล้อ เป็นต้น เนื่องจากการผลิตไม่เป็นไปตามกฎถิ่นกำเนิดสินค้าของประเทศปลายทาง นายรณรงค์ กล่าวว่า […]
อ่านเพิ่มเติม »
นิวซีแลนด์ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังพายุไซโคลนแกเบรียลอาละวาด : อินโฟเควสท์สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นิวซีแลนด์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินวันนี้ (13 ก.พ.) เนื่องจากพายุไซโคลนแกเบรียลได้เริ่มพัดถล่มเกาะเหนือ (North Island) แล้ว ขณะที่กรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนประกาศเตือนภัยประชาชนในหลายภูมิภาค อาทิ นอร์ทแลนด์และโอ๊คแลนด์ ว่ามีความเสี่ยงน้ำท่วมสูงและประชาชนหลายพันรายจะไม่มีไฟฟ้าใช้ พยากรณ์อากาศระบุว่า จะมีฝน 400 มิลลิเมตร และลมกระโชกแรง 130 กม./ชม. ไปอีก 20 ชั่วโมงข้างหน้า เหตุดังกล่าวส่งผลให้สายการบินแห่งชาติแอร์นิวซีแลนด์ (Air NZ) ยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมดที่มุ่งหน้าไป-กลับเมืองโอ๊คแลนด์ นอกจากนี้ ทางสายการบินก็ได้ยกเลิกเที่ยวบินระหว่างประเทศไปอีกหลายเที่ยวบินเมื่อวันอาทิตย์ด้วยเช่นกัน (12 ก.พ.) นอกจากนี้ กรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนรายงานว่า โรงเรียนและศูนย์เลี้ยงเด็กส่วนใหญ่ในเมืองโอ๊คแลนด์ปิดทำการ และมีการตั้งศูนย์พักพิงฉุกเฉินกับศูนย์ป้องกันภัยพลเรือน 26 แห่งทั่วทั้งเมืองโอ๊คแลนด์ เมทเซอร์วิส (MetService) ซึ่งเป็นหน่วยงานอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัยระดับสีแดงเมื่อวันอาทิตย์ พร้อมระบุว่าสภาพอากาศจะยังคงเลวร้ายลงยิ่งกว่านี้ รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศให้ประชาชนเตรียมกระสอบทรายเพื่อใช้กั้นน้ำท่วมบ้าน กักตุนอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอ รวมถึงให้เตรียมพร้อมอพยพในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหากจำเป็น ทั้งนี้ ทางรัฐบาลได้ตั้งแนวกระสอบทรายหลายแห่งทั่วเมืองโอ๊คแลนด์ในชั่วข้ามคืน และแนะนำให้ประชาชนเตรียมกระสอบทรายของตนเผื่อไว้ด้วยหากสถานการณ์เลวร้ายลง โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 66) Facebook iconFacebookTwitter […]
อ่านเพิ่มเติม »
หุ้นไทยปิดเช้าบวก 1.31 จุด แกว่งผันผวนลงไปทดสอบแนวต้านก่อนได้แรงซื้อ GPSC-TOP หนุน : อินโฟเควสท์SET ปิดช่วงเช้านี้ 1,665.88 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด (+0.08%) มูลค่าการซื้อขายราว 30,555 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นเช้านี้ ดัชนีแกว่งผันผวน ทำระดับสูงสุด 1,669.98 จุด และต่ำสุด 1,658.43 จุด นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นช่วงเช้าแกว่งผันผวน โดยปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,658-1,655 จุดเนื่องจากผลประกอบการกลุ่ม บจ.ภาคการผลิตออกมาไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบด้านต้นทุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นในปีที่ผ่านมา แต่หุ้นบางตัวเจอจุดต่ำสุดไปแล้ว ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยเฉพาะ GPSC และ TOP หลังคาดว่าต้นทุนก๊าซฯและถ่านหินจะลดลงในไตรมาส 1/66 แนวโน้มในช่วงบ่ายคาดว่าดัชนีน่าจะยังแกว่งผันผวนคล้ายช่วงเช้า ระหว่างที่ตลาดรอตดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ซึ่งตลาดคาดไว้ที่ 6.20% ให้แนวต้านที่ 1,670-1,675 จุด และแนวรับที่ 1,658 จุด หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ADVANC […]
อ่านเพิ่มเติม »
ตุรกีรวบตัวผู้รับเหมา 130 ราย ปมสร้างอาคารไม่ได้มาตรฐานทำปชช.เสียชีวิตจำนวนมาก : อินโฟเควสท์เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมของตุรกีได้จับกุมตัวผู้รับเหมาก่อสร้างจำนวนกว่า 130 รายที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารที่มีคุณภาพต่ำ หรือสร้างอาคารด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในวันที่ 6 ก.พ. ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในขณะนี้สูงกว่า 33,000 รายแล้ว และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากติดอยู่ใต้ซากอาคาร สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ท่ามกลางความไม่พอใจต่อความพยายามกู้ภัยที่เชื่องช้า ขณะนี้ประชาชนเริ่มจับตาดูว่าใครควรเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการไม่เตรียมความพร้อมให้แก่ประชาชนในภูมิภาคที่เกิดแผ่นดินไหว โดยแม้ว่าตุรกีจะมีกฎหมายด้านวิศวกรรมการก่อสร้างที่ตรงตามมาตรฐานการป้องกันแผ่นดินไหว แต่ก็แทบจะไม่มีการบังคับใช้ ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมอาคารหลายพันหลังจึงพังลงมาทับผู้อยู่อาศัย ทางด้านสำนักข่าวอนาโดลูของตุรกีรายงานว่า นายเบเกอร์ บอซแด็ก รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมตุรกีระบุว่า มีผู้ถูกควบคุมตัวแล้ว 134 ราย ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารที่ไม่สามารถต้านแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ โดยนายบอซแด็กให้คำมั่นว่าจะลงโทษผู้ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบ และอัยการได้เริ่มรวบรวมตัวอย่างอาคารเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ และประชาชนทั่วตุรกีต่างกล่าวโทษการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น นายฟวต อ็อคเตย์ รองประธานาธิบดีตุรกีกล่าวว่า “เราจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดจนกว่าจะมีข้อสรุปด้านกฎหมายว่าควรจะลงโทษสถานใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีส่วนในการก่อสร้างอาคารที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรนจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก” โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
EPG แจงยอดขาย-กำไร Q3 งวดปี 65/66 หดรับผลกระทบบาทแข็งค่าเร็ว : อินโฟเควสท์นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลกโดยมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศประมาณ 70% ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศช่วงที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3 ปีบัญชี 65/66 (ต.ค.-ธ.ค.65) บริษัทมีรายได้จากการขาย 3,006 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 3,250 ล้านบาท หรือลดลง 7.5% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 34.5% และมีกำไรสุทธิรายไตรมาสที่ 213 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 402 ล้านบาท หรือ ลดลง 47.1% การดำเนินงานตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 839 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 8.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงเติบโตต่อเนื่องจากความต้องการสินค้าฉนวนยางที่มีคุณภาพสูง ซึ่งผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัย และจากการขยายตลาดไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low […]
อ่านเพิ่มเติม »
ผศ.มหาลัยเยลแนะคนแก่ฆ่าตัวตายหมู่ แก้ปัญหาสังคมสูงอายุของญี่ปุ่น : อินโฟเควสท์หนังสือพิมพ์เดลีเมลรายงานในวันนี้ (13 ก.พ.) ว่า นายยูสุเกะ นาริตะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงหลังแนะว่า วิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุของญี่ปุ่นได้ก็คือให้ผู้สูงอายุฆ่าตัวตายหมู่และคว้านท้องตัวเอง “ผมคิดว่ามันมีวิธีแก้ปัญหาวิธีเดียวที่ชัดเจนมาก ท้ายที่สุดแล้ว ทางออกควรจะเป็นการให้ผู้สูงอายุฆ่าตัวตายหมู่หรือทำเซ็ปปุกุไม่ใช่หรือ” นายนาริตะกล่าว อนึ่ง เซ็ปปุกุ (Seppuku) คือพิธีฆ่าตัวตายด้วยการคว้านท้องของซามูไรในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 อันเป็นการลงโทษซามูไรที่ทำเรื่องเสื่อมเสีย นายนาริตะแสดงความเห็นดังกล่าวในรายการข่าวเมื่อปี 2564 และได้ออกมาแก้ต่างในการสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าคำพูดของเขาถูกนำไปใช้นอกบริบทที่เขาต้องการจะสื่อ อย่างไรก็ดี นายนาริตะกล่าวว่าวิธีการอย่างการุณยฆาตอาจกลายเป็นข้อบังคับในอนาคต ซึ่งความเห็นนี้สร้างกระแสวิจารณ์อย่างหนัก นายนาริตะอ้างว่าวิธีนี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีบทบาทในภาคธุรกิจ, การเมือง และในภาคส่วนอื่น ๆ ของสังคม แทนที่คนรุ่นเก่าที่ไม่ยอมหลีกทางให้ แม้ความเห็นของนายนาริตะจะเป็นที่อื้อฉาว แต่ก็ทำให้เขากลายเป็นที่สนใจในสังคมออนไลน์ด้วย โดยเขามีผู้ติดตามบนทวิตเตอร์มากกว่า 569,000 คน ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำและมีหนี้สาธารณะมากที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยอัตราการเกิดของญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.34 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน ซึ่งต่ำกว่าสหรัฐที่มีอัตราการเกิด 1.65 คน ข้อมูลจากกระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสารเผยว่า จำนวนประชากรญี่ปุ่นลดลงติดต่อกัน 11 ปี และลดลงถึง […]
อ่านเพิ่มเติม »