'เอเวอร์แกรนด์' สั่งระงับผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เหตุขาดคำสั่งซื้อใหม่ ยานยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า ไชน่าเอเวอร์แกรนด์ อินโฟเควสท์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ นิว เอเนอร์จี วีฮิเคิล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเครือไชน่า เอเวอร์แกรนด์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ได้ระงับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอยู่เพียงรุ่นเดียวในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากขาดยอดสั่งซื้อใหม่ ๆ ซึ่งถือเป็นการเผชิญภาวะยากลำบากระลอกล่าสุดท่ามกลางปัญหาหนี้ท่วม
เอเวอร์แกรนด์ระบุในช่วงกลางเดือนก.ย.ว่า ได้เริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเหิงฉือ 5 ในเชิงพาณิชย์ที่โรงงานในเมืองเทียนจินทางภาคเหนือของจีน ต่อมาในช่วงปลายเดือนต.ค. บริษัทเปิดเผยว่าได้ทำการส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวจำนวน 100 คันแรก อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เอเวอร์แกรนด์ได้ระงับการผลิตรถยนต์รุ่นดังกล่าวแล้ว เนื่องจากมียอดสั่งซื้อใหม่ไม่มากพอ นอกจากนี้ พนักงานของบริษัทจำนวนมากก็ยังไม่ได้รับเงินเดือนสำหรับเดือนต.ค.และพ.ย.ด้วย
แหล่งข่าวอื่น ๆ ระบุว่า บริษัทจะยังคงดำเนินงานบางส่วนต่อไป แต่ก็วางแผนปลดพนักงานราว 10% และระงับการจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานราว 25% เป็นเวลา 1-3 เดือน
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
AOT พร้อมทะยาน หลังเที่ยวบินสูงขึ้น ยอดผู้โดยสารพ.ย.ใกล้ 3 แสนคน/วัน : อินโฟเควสท์นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 (ต.ค.-ธ.ค.65) ตัวเลข EBITDA จะเป็นบวก และมีกำไรสุทธิเล็กน้อย และประเมินว่า ปี 2566 จะมีกำไรในทุกไตรมาส และหากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาจะมีส่วนเพิ่มรายได้และกำไรที่มากขึ้น โดยคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2566 อยู่ที่ระดับพันล้านบาท แต่ยังคงไม่กลับไปที่ระดับหมื่นล้านบาท เหมือนช่วงก่อนโควิด ปัจจุบัน เข้าสู่ช่วงไตรมาส 1/66 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น พบว่า เดือนพ.ย. 65 จำนวนผู้โดยสารรวมอยู่ที่ 260,000 -270,000 คนต่อวันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนต.ค. 2565 ที่มีจำนวน 190,000 คนต่อวัน สำหรับปริมาณเที่ยวบินตอนนี้กลับมาที่ระดับ 60-70% แล้ว สำหรับปี 2567 คาดว่าปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารจะกลับไปเท่าปี 62 แน่นอน นายนิตินัย กล่าวว่า จำนวนผู้โดยสารภายในประเทศถือว่ากลับมาในระดับเกือบเท่าเดิมแล้ว ส่วนผู้โดยสารระหว่างประเทศกลับมาแล้วประมาณ 70% ส่วนที่ยังไม่มาคือ …
อ่านเพิ่มเติม »
ของขวัญปีใหม่! ออมสินเพิ่มเงินรางวัลพิเศษสลากฯ 1 ล้านบาท 24 รางวัล : อินโฟเควสท์ธนาคารออมสิน ได้จัดโปรดักส์แคมเปญเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าและเฉลิมฉลองปีใหม่ 2566 ด้วยการเพิ่มรางวัลสลากออมสินพิเศษ 2 ปี ทั้งแบบใบสลากและสลากออมสินดิจิทัล โดยธนาคารจัดรางวัลพิเศษสำหรับผู้ที่ฝากระหว่างวันที่ 2 ธ.ค.65-31 ม.ค.66 ด้วยการเพิ่มเงินรางวัลพิเศษจำนวน 24 รางวัล รางวัลละ 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 24 ล้านบาท ซึ่งจะทำการออกรางวัล 2 ครั้ง ในวันที่ 30 ธ.ค.65 จำนวน 12 รางวัล และ วันที่ 1 ก.พ.66 อีก 12 รางวัล สำหรับสลากออมสินพิเศษ 2 ปี (แบบใบสลาก) หน่วยละ 100 บาท ฝากได้ตั้งแต่ 1 หน่วยขึ้นไป รับฝากสำหรับบุคคลธรรมดาอายุ 7 ปี ขึ้นไป และนิติบุคคลทุกประเภท สลากออมสินดิจิทัล 2 ปี หน่วยละ …
อ่านเพิ่มเติม »
หุ้นไทยปิดพุ่ง 13.08 จุด ตามภูมิภาค รอตัวเลขศก.สหรัฐ คาดพรุ่งนี้พักตัวหลังขึ้นแรง : อินโฟเควสท์SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,648.44 จุด เพิ่มขึ้น 13.08 จุด (+0.80%) มูลค่าการซื้อขาย 75,294.87 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้พุ่งขึ้นแรงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค หลังประธานเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอก ขณะที่เงินบาทแข็งยังหนุนเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง พรุ่งนี้คาดตลาดฯพักตัวหลังขึ้นมาแรง พร้อมให้แนวรับ 1,635 จุด และ แนวต้าน 1,660 จุด SET ปิดวันนี้ที่ 1,648.44 จุด เพิ่มขึ้น 13.08 จุด (+0.80%) มูลค่าการซื้อขาย 75,294.87 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นและเคลื่อนไหวแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยทำระดับสูงสุด 1,651.76 จุด และระดับต่ำสุด 1,639.02 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 931 หลักทรัพย์ ลดลง 695 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 516 หลักทรัพย์ นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย …
อ่านเพิ่มเติม »
สัปดาห์หน้า! จ่อออกหมายเรียกผู้ขายหุ้น MORE 27 รายให้ปากคำ : อินโฟเควสท์พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กล่าวถึงกรณีตรวจสอบความผิดปกติเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ว่า ในสัปดาห์หน้า ทางคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้เสนอขายหุ้น ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดเงินจากการซื้อขายหุ้นดังกล่าวก่อนหน้านี้ จำนวนประมาณ 25-27 คน มาเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติครั้งนี้หรือไม่ และ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือร่วมกระทำความผิดจริงก็จะมีการเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน โดยจะมีคณะพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. บก.ป. และ บก.ปอท. แบ่งงานกันทำหน้าที่สอบปากคำ ส่วนฝั่งผู้ซื้อ หรือ ผู้ถูกกล่าวหา ก่อนหน้าทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้มาเข้าพบเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่เจ้าตัวได้ส่งทนายความติดต่อขอเลื่อนออกไปก่อนโดยไม่มีกำหนด นอกจากนี้ จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้มีน้ำหนักมากพอสมควรที่จะเอาผิด เสี่ย ป. ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาในความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ซึ่งหากเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามีการกระทำผิดจริง ทางคณะพนักงานสอบสวน ก็จะทำกkรออกหมายเรียก เสี่ย ป. ให้มาเข้าพบอีกครั้งเพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหาในทันที โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
รมว.คลัง ยันไม่มีแผนเก็บภาษี Capital Gains ย้ำเก็บภาษีขายหุ้นขาเดียว : อินโฟเควสท์นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยืนยันว่าจะไม่มีการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกำไร (Capital Gains) ในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการยกเลิกการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ภาษีขายหุ้น เมื่อต้นสัปดาห์ “คลังยืนยันว่าไม่เก็บ 2 อย่าง แม้จะมีบางประเทศเก็บ 2 ขา คลังจะเก็บเฉพาะภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายต่อครั้งเท่านั้น” นายอาคม กล่าว ทั้งนี้ การเก็บภาษีขายหุ้นจะไม่กระทบกับบริษัทรายย่อย เนื่องจากมูลค่าซื้อขายในปัจจุบันในตลาดหลักทรัพย์ เป็นการซื้อขายของบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วนในตลาดเพียง 11% แต่มีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 95% ส่วนรายย่อยมีสัดส่วน 89% แต่มีมูลค่าการซื้อขาย 5% เท่านั้น การจัดเก็บภาษีขายหุ้น ยังเป็นไปตามหลักการเสมอภาค และ เป็นธรรมกับผู้เสียภาษี ที่มีรายได้จากการขายหุ้น เช่นกันกับธุรกิจอื่น ๆ โดยคลังจะจัดเก็บในอัตรา 0.11% รวมท้องถิ่น แต่มีระยะเวลายกเว้น 3 เดือน และจัดเก็บอัตรา 0.055% ในปีแรก เพื่อให้มีการปรับตัว โดยจัดเก็บต่อครั้ง และให้โบรกเกอร์เป็นผู้หักนำส่ง …
อ่านเพิ่มเติม »
คัด 4 กลุ่มหุ้นน่าลงทุนส่งท้ายปี รับรัฐมาตรการกระตุ้นจับจ่ายช่วงปลายปี : อินโฟเควสท์นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ กล่าวว่า ปัจจัยกระตุ้นที่อาจเข้ามาสร้างสีสันให้ตลาดหุ้นไทยได้ในเดือนนี้ ได้แก่ การออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า ซึ่งอาจทำให้กลุ่ม Domestic ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจต่อไปหากต้องเลือกลงทุน ส่วนการเข้ามาของ Fund flow ในช่วง 1-2 วันนี้นั้น มองเป็น Hot money ที่เข้ามาเก็งกำไรเงินบาทจากประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งต่อจากนี้อาจเริ่มเบาบางลงหากไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ ในเชิงกลยุทธ์ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรอบล่าสุดมาอยู่ที่ 1.25% ทำให้ระดับ SET ที่เหมาะสมในกรณีฐานของทางทรีนีตี้ปรับลดจากระดับ 1,630 จุดมาอยู่ที่ 1,580 จุด ซึ่งเมื่อเทียบกับระดับดัชนีปัจจุบันที่ 1,635 จุด อาจทำให้ Risk-reward ในภาพรวมดูไม่น่าสนใจมากนัก จึงเป็นที่มาที่เราแนะนำให้ Lock profit หุ้นในส่วนที่เหลือ แต่หากต้องเลือก Selective ในเดือนธันวาคม มองไปยังกลุ่มหุ้นดังต่อไปนี้ 1) กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งในระยะสั้นได้ประโยชน์จากทั้ง เงินบาทแข็ง, Bond …
อ่านเพิ่มเติม »