นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ อ่านต่อ: กรุงเทพธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นายไดมอนกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงดูดีในขณะนี้ และผู้บริโภคยังคงมีสถานะที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับในปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก แต่การพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ, การดีดตัวของอัตราดอกเบี้ย และการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 6-9 เดือนต่อจากนี้ ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปได้ถดถอยแล้ว
นายไดมอน กล่าวว่า เขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภาวะถดถอยดังกล่าวจะกินเวลานานเท่าใด แต่สิ่งที่เขาแน่ใจคือปัจจัยดังกล่าวจะสร้างความผันผวนในตลาด ด้านนางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และนายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลก กล่าวเตือนเช่นกันว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะถดถอยในปีหน้า ขณะที่เงินเฟ้อยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครนในเดือนก.พ.
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ดาวโจนส์ปิดลบ 93.91 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยฉุดศก.ถดถอย : อินโฟเควสท์ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (10 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำสุดนับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจากการที่รัฐบาลสหรัฐออกมาตรารควบคุมการส่งออกชิปให้กับจีน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,202.88 จุด ลดลง 93.91 จุด หรือ -0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,612.39 จุด ลดลง 27.27 จุด หรือ -0.75% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,542.10 จุด ลดลง 110.30 จุด หรือ -1.04% นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย โดยล่าสุดนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และสงครามในยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ทางด้านนางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) …
อ่านเพิ่มเติม »
ซีอีโอเจพีมอร์แกนแนะสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่ม เตือนโลกเสี่ยงเผชิญวิกฤตพลังงาน : อินโฟเควสท์นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในวันจันทร์ (10 ต.ค.) ว่า สหรัฐควรผลิตน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาวิกฤตการณ์พลังงานทั่วโลก โดยระบุว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวไม่ต่างจากความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติที่เกิดจากวิกฤตพลังงานในช่วงสงคราม นายไดมอนกล่าวว่า วิกฤตการณ์พลังงานจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับในอดีตที่ยุโรปต้องเผชิญเนื่องจากพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียมากเกินไป พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาประเทศตะวันตกช่วยสนับสนุนสหรัฐในการมีบทบาทเป็นผู้นำความมั่นคงด้านพลังงานโลก “ในมุมมองของผมนั้น สหรัฐควรผลิตน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น และภารกิจนี้ควรได้รับการสนับสนุน สหรัฐจำเป็นต้องมีบทบาทเป็นผู้นำที่แท้จริง โดยสหรัฐจะทำการปรับเพิ่มหรือลดอุปทานตามยุทธศาสตร์เพื่อให้ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก (Swing Producer) ไม่ใช่ซาอุดีอาระเบีย และเราควรจะเริ่มภารกิจนี้ในเดือนมี.ค.ปีหน้า” นายไดมอนกล่าว ทั้งนี้ ยุโรป ซึ่งเป็นผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย โดยต้องพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในอัตราส่วนสูงถึง 45% นั้น เป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตพลังงานรุนแรงที่สุด โดยเผชิญทั้งราคาที่สูงขึ้นและภาวะอุปทานที่ลดลง อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหลังจากที่ส่งกำลังทหารรุกรานยูเครน นายไดมอนกล่าวว่า ในขณะที่ชาติยุโรปได้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มอุปทานก๊าซในฤดูหนาวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผู้นำประเทศควรจะพิจารณาถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับมั่นคงด้านพลังงานในอนาคตด้วย “ขณะนี้เรากำลังเผชิญปัญหาระยะยาว ซึ่งเกิดจากการที่ทั่วโลกไม่ได้ผลิตน้ำมันและก๊าซให้เพียงพอที่จะลดการใช้ถ่านหินได้ ทำให้โลกสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างความมั่นคงให้กับประชาชน” นายไดมอนกล่าว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
ซีอีโอเจพีมอร์แกนแนะสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่ม เตือนโลกเสี่ยงเผชิญวิกฤตพลังงาน : อินโฟเควสท์นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในวันจันทร์ (10 ต.ค.) ว่า สหรัฐควรผลิตน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาวิกฤตการณ์พลังงานทั่วโลก โดยระบุว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวไม่ต่างจากความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติที่เกิดจากวิกฤตพลังงานในช่วงสงคราม นายไดมอนกล่าวว่า วิกฤตการณ์พลังงานจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับในอดีตที่ยุโรปต้องเผชิญเนื่องจากพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียมากเกินไป พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาประเทศตะวันตกช่วยสนับสนุนสหรัฐในการมีบทบาทเป็นผู้นำความมั่นคงด้านพลังงานโลก “ในมุมมองของผมนั้น สหรัฐควรผลิตน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น และภารกิจนี้ควรได้รับการสนับสนุน สหรัฐจำเป็นต้องมีบทบาทเป็นผู้นำที่แท้จริง โดยสหรัฐจะทำการปรับเพิ่มหรือลดอุปทานตามยุทธศาสตร์เพื่อให้ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก (Swing Producer) ไม่ใช่ซาอุดีอาระเบีย และเราควรจะเริ่มภารกิจนี้ในเดือนมี.ค.ปีหน้า” นายไดมอนกล่าว ทั้งนี้ ยุโรป ซึ่งเป็นผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย โดยต้องพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในอัตราส่วนสูงถึง 45% นั้น เป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตพลังงานรุนแรงที่สุด โดยเผชิญทั้งราคาที่สูงขึ้นและภาวะอุปทานที่ลดลง อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหลังจากที่ส่งกำลังทหารรุกรานยูเครน นายไดมอนกล่าวว่า ในขณะที่ชาติยุโรปได้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มอุปทานก๊าซในฤดูหนาวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผู้นำประเทศควรจะพิจารณาถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับมั่นคงด้านพลังงานในอนาคตด้วย “ขณะนี้เรากำลังเผชิญปัญหาระยะยาว ซึ่งเกิดจากการที่ทั่วโลกไม่ได้ผลิตน้ำมันและก๊าซให้เพียงพอที่จะลดการใช้ถ่านหินได้ ทำให้โลกสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างความมั่นคงให้กับประชาชน” นายไดมอนกล่าว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
ดาวโจนส์ปิดลบ 93.91 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยฉุดศก.ถดถอย : อินโฟเควสท์ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (10 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำสุดนับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจากการที่รัฐบาลสหรัฐออกมาตรารควบคุมการส่งออกชิปให้กับจีน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,202.88 จุด ลดลง 93.91 จุด หรือ -0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,612.39 จุด ลดลง 27.27 จุด หรือ -0.75% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,542.10 จุด ลดลง 110.30 จุด หรือ -1.04% นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย โดยล่าสุดนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และสงครามในยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ทางด้านนางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) …
อ่านเพิ่มเติม »
นำไปใช้!คาร์ราเกอร์แนะแนวทางรับมือฮาลันด์ให้มาร์ติเนซเจมี่ คาร์ราเกอร์ ออกโรงแนะนำวิธีจัดการกับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ให้ทาง ลิซานโดร มาร์ติเนซ กองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด นำไปใช้ พร้อมบอกว่า ฮาลันด์ เป็นคนที่เก่งจนถึงขั้นทำชอตน่าฮือฮาจากจังหวะที่ไม่มีอะไรได้
อ่านเพิ่มเติม »