'รัฐบาลพรรคเพื่อไทย'เดินหน้าเต็มสูบ มุ่งนโยบายประชานิยม หวังสร้างความนิยมให้ประชาชนให้ได้ แต่เป็นประชานิยมแบบเก่า ขณะที่ 'ก้าวไกล' เป็นตัวแทนฝ่ายอุดมการณ์ใหม่ ซึ่งกำลังถูกมองว่าเป็น ของจริง สร้างความยั่งยืนได้มากกว่าประชานิยม
แต่สังเกตดีๆ จะเห็นว่าเป็นแค่การบริหารตัวเลข ลดภาษี หรือนำเงินตรงโน้นมาแปะตรงนี้ ผลก็คือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในระยะสั้น และจะสร้างคะแนนนิยมในช่วงต้นของการเข้าเป็นรัฐบาล คล้ายๆ กับว่าเมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามา ก็เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นทันที ทั้งที่จริงๆ แล้วประชาชนได้รับแค่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ การแก้ปัญหาแบบนี้ คือการแก้แบบเฉพาะหน้า ไม่ใช่การแก้ที่โครงสร้าง สมมติอีก 3 เดือนข้างหน้าเกิดวิกฤติราคาพลังงานจากปัจจัยภายนอกประเทศ...
หลายเรื่องยังไม่มีคำตอบว่าทำไมต้องทำแบบนั้น เช่น การอ้างอิงราคาจากสิงคโปร์, ตัวเลขราคาน้ำมันดิบซึ่งถูกมาก แต่พอเป็นน้ำมันสำเร็จรูปหน้าปั๊มกลับแพงมาก ทั้งๆ ที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกน้ำมันด้วย หรือแม้แต่ความลักลั่นของราคาที่ปรับขึ้นกับปรับลด ขึ้นทีละ 60 สตางค์ แต่ลดทีละ 30 สตางค์ ราคาน้ำมันโลกลดนานแล้ว แต่ทำไมราคาน้ำมันบ้านเราไม่ลด ฯลฯ
ส่วนรัฐบาลเพื่อไทย คาดการณ์ได้เลยว่าทำไม่ได้ เพราะนายทุนพลังงานซึ่งเกี่ยวข้องทั้งราคาน้ำมัน และค่าไฟฟ้า มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้