'บลิงเกน' พบปะรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวังฟื้นความสัมพันธ์สองประเทศ กระทรวงต่างประเทศ จีน ฉินกัง ปักกิ่ง สหรัฐ บลิงเกน อินโฟเควสท์
นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เข้าพบปะกับนายฉิน กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน ที่กรุงปักกิ่งในวันอาทิตย์ ในภารกิจทางการทูตครั้งสำคัญยิ่ง ซึ่งจะเป็นการผ่อยคลายความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนที่เป็นปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า การพูดคุยระหว่างนายบลิงเกนและนายฉิน เป็นไปอย่างอย่างตรงไปตรงมา เน้นสาระสำคัญ และมีความสร้างสรรค์ โดยนายบลิงเกนได้หยิบยกเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นข้อกังวล รวมถึงหยิบยกเรื่องโอกาสในการขยายความร่วมมือ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารแบบเปิด ในระหว่างการพบปะกันครั้งนี้ นายบลิงเกนยังได้เชิญนายฉินให้เดินทางเยือนสหรัฐเพื่อหารือกันต่อไป โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า นายบลิงเกนและนายฉิน ได้ตกลงที่จะกำหนดเวลาในการเยือนที่เหมาะสมร่วมกัน โดยนายบลิงเกนจะยังคงอยู่ที่จีนเพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนคนอื่น ๆ ในวันจันทร์ มิ.ย. ต่อไป
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
'บลิงเกน' เดินทางถึงจีนแล้วในวันนี้ มุ่งหารือฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี : อินโฟเควสท์สำนักข่าวรอยเตอร์รายงายว่า นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเดินทางถึงกรุงปักกิ่งแล้วในวันนี้ (18 มิ.ย.) ซึ่งเป็นนักการทูตระดับสูงคนแรกของสหรัฐที่เดินทางเยือนจีนในรอบ 5 ปี ท่ามกลางความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ตึงเครียด รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนก.พ. นายบลิงเกนได้ยกเลิกแผนการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง หลังเกิดเหตุบอลลูนสอดแนมลอยเหนือน่านฟ้าสหรัฐ โดยสหรัฐกล่าวหาว่าเป็นบอลลูนสอดแนมของจีน ในระหว่างการเดินทางตั้งแต่วันที่ 18-19 มิ.ย. นายบลิงเกนคาดว่าจะพบกับนายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน, นายหวัง อี้ นักการทูตระดับสูงของจีน และอาจรวมถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน และพร้อมทำงานเพื่อสร้างช่องทางด้านการติดต่อสื่อสารที่เปิดกว้างและมีเสถียรภาพเพื่อให้แน่ใจว่า การแข่งขันเชิงกลยุทธ์ระหว่างสองประเทศจะไม่วนกลับไปสู่ความขัดแย้ง การเดินทางเยือนจีนของนายบลิงเกินคาดว่าจะเป็นการปูทางสำหรับการประชุมทวิภาคีเพิ่มเติมในช่วงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า รวมถึงการเดินทางเยือนในอนาคตของนางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และนางจีนา เรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ และอาจเป็นการปูทางให้มีการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.สี และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้ นายบลิงเกนแถลงต่อสื่อมวลชนก่อนออกเดินทางเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 มิ.ย.) ว่า การเดินทางครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การจัดตั้งกลไกในการจัดการวิกฤต การเพิ่มผลประโยชน์ของสหรัฐและชาติพันธมิตร และการพูดคุยโดยตรงเกี่ยวกับข้อกังวลที่เกี่ยวข้อง […]
อ่านเพิ่มเติม »
เมื่อบลิงเกนเหยียบถ้ำเสือที่ปักกิ่งเมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเกน “เหยียบถ้ำเสือ” ที่ปักกิ่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ย่อมมีการวิเคราะห์กันว่าความสัมพันธ์อันเย็นชาระหว่างสองยักษ์จะก้าวไปในทิศทางไหน
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดจับตา 'พาวเวล' แถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสสัปดาห์นี้ : อินโฟเควสท์นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธที่ 21 มิ.ย. และจากนั้นจะแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายพาวเวลมีแนวโน้มที่จะถูกซักถามเกี่ยวกับการที่เฟดตัดสินใจระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกันนับตั้งแต่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565 ทั้งนี้ แม้ว่าผลการประชุมเฟดครั้งล่าสุดจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่นักลงทุนในตลาดมีความกังวล เนื่องจากในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 5.50-5.75% ภายในสิ้นปีนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ในการแถลงต่อสภาคองเกรสครั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะกดดันให้นายพาวเวลอธิบายเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลด้านการเงิน หลังจากมีธนาคาร 3 แห่งของสหรัฐประสบปัญหาล้มละลายในปีนี้ ในการประชุมเฟดครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายพาวเวลแถลงต่อสื่อมวลชนว่า การที่เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้เฟดมีเวลาในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมทั้งผลกระทบจากการล้มละลายของธนาคาร 3 แห่งในสหรัฐว่าจะมีผลต่อกลุ่มผู้บริโภคและภาคธุรกิจอย่างไร “แต่ทิศทางนโยบายการเงินในวันข้างหน้านั้น กรรมการเฟดเกือบทั้งหมดต่างก็มีมุมมองที่สอดคล้องกันว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% […]
อ่านเพิ่มเติม »
พท.-ก.ก.ต่อรองเก้าอี้ประธานสภาฯ ยังไม่ลงตัว คาดถกคู่ขนานจัดตั้งรัฐบาล : อินโฟเควสท์นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ปฏิเสธข่าวพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กับ พท.ได้ข้อตกลงเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายเพียงแต่ยังไม่ได้ระบุตัวบุคคล โดยเรื่องนี้ยังคงเหมือนเดิมตามที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ว่า ตั้งแต่คุยกันครั้งก่อนที่ พท.เสนอว่าอยากได้ตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ก.ก.จะนำไปหารือภายในกันก่อนแล้วจะแจ้งความเห็นกลับมา ซึ่งตอนนี้ พท.ยังคงรอคำตอบดังกล่าวอยู่ ซึ่งจากการสอบถามไปยังนายประเสริญ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท.ที่เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลในส่วนของ พท.ร่วมกับตนก็ยังไม่มีการประสานกลับมาจาก ก.ก. “เรื่องนี้อยากให้ทั้งสองพรรคคุยกันให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยสรุป ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจากจุดเดิม ส่วนตัวมองว่าประเด็นเหล่านี้ที่จะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล ทั้งพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคใหญ่ทั้งคู่ยังหารือกันไม่มากพอ เราต้องเร่งหารือกันเพื่อให้ผ่านการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไปให้ได้ ส่วนประเด็นเรื่องนโยบายต่างๆ ที่จะขับเคลื่อนที่ทุกพรรคให้ความสำคัญนั้นสามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลได้” นายภูมิธรรม กล่าว ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค ก.ก.ระบุว่าตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นของ ก.ก.เพื่อขับเคลื่อนงานในสภาฯ นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นของนายรังสิมันต์ ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้คนอื่นไม่ควรแสดงความคิดเห็น “รอให้การหารือของสองพรรคจบเรียบร้อยก่อนจะดีกว่า เพราะเมื่อการหารือยังไม่จบแล้วออกมาพูดเช่นนี้นั้นตามมารยาททางการเมืองเขาไม่ทำกัน รอให้คนที่มีหน้าที่ในการหารือจริงๆดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยก็รอคำตอบอยู่” นายภูมิธรรม กล่าว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE […]
อ่านเพิ่มเติม »
นายกฯ หนุนยกระดับผ้าไหมไทยร่วมสมัยเข้าถึงความต้องการตลาดโลก : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สนับสนุนการใช้ผ้าไหมไทยร่วมสมัยผ่านโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอด้วยการออกแบบเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมสู่อีสานแฟชั่น มุ่งเน้นการพัฒนาเทคนิคการผลิตผ้าไหมรูปแบบใหม่ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน สร้างภาพลักษณ์ให้ผลิตภัณฑ์มีความหรูหราและคุณภาพสูง มีลวดลายที่ประณีตสวยงาม พร้อมผลักดันให้เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (สสท.) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดกิจกรรมยกระดับอุตสาหกรรมสิ่งทอและผ้าพื้นเมืองให้เติบโตและเข้มแข็ง ผ่านโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอด้วยการออกแบบเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมสู่อีสานแฟชั่นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลให้มีผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายใหม่กว่า 122 ลาย รวมทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ (Accessories) อีกกว่า 108 ผลิตภัณฑ์ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ เป็นการสร้างโอกาสทางการตลาด และขยายกลุ่มตลาดใหม่ ทั้งนี้ยังมีการพัฒนาผู้ประกอบการผ้าไหม และผู้ที่เกี่ยวข้องธุรกิจผ้าพื้นเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 1,618 คน เพื่อสร้างรายได้ สร้างงานให้ชุมชน รวมถึงสร้างโอกาสทางการตลาด และยอดขายในประเทศกว่า 6,635,456 บาท (เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาใหม่) ในปี 2566 โครงการพัฒนาผ้าไหมไทยร่วมสมัย (Premium Thai Silk) เป็นความร่วมมือของ สสท.กับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู สุรินทร์ […]
อ่านเพิ่มเติม »
STARK ส่งงบปี 65 ขาดทุนยับกว่า 6 พันล้าน พร้อมแก้งบปี 64 พลิกเป็นติดลบพบกลโกงแทบทุกจุด : อินโฟเควสท์ในที่สุด บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) ก็ส่งงบปี 65 ได้ตามกำหนด แจ้งขาดทุนหนักกว่า 6.6 พันล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.5393 บาท พร้อมทั้งแก้งบปี 64 เปลี่ยนเป็นขาดทุน 5,965 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.501 บาท จากเดิมที่เคยแจ้งว่ากำไร 2.8 พันล้านบาท หลังจากผู้สอบบัญชีพบความผิดปกติหลายจุด ขณะที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินโดยไม่แสดงความเห็น ด้วยเหตุที่ได้พิจารณาถึงสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความไม่แน่นอนต่อความสามารถในการเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง (Going Concern) ของกลุ่มบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนรวมสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 6,628 ล้านบาท และมีส่วนของเจ้าของติดลบ 4,404 ล้านบาท โดยหนี้สินหมุนเวียนส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้การค้า เงินกู้ยืมระยะสั้น เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี ซึ่งหนี้สินระยะสั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการจัดประเภทเงินกู้ยืมระยะยาวเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น เนื่องจากอัตราส่วนทางการเงินบางรายการไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาเงินกู้ระยะยาวและหนังสือชี้ชวนหุ้นกู้ นอกจากนี้ ในเดือน พ.ค.66 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ หมายเลข STARK239A และ STARK249A […]
อ่านเพิ่มเติม »