ไมโครซอฟท์ เปิดตัว VALL-E ไอเอเปี่ยมศักยภาพจำลองเสียงได้ใน 3 วินาที VALLE อินโฟเควสท์
นักวิจัยของไมโครซอฟท์ได้ทำการเปิดตัว Vall-E ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอรุ่นใหม่ที่สามารถช่วยแปลงข้อความเป็นเสียง ซึ่งเอไอรุ่นนี้สามารถฟังเสียงภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที และเลียนแบบเสียงนั้น ๆ รวมถึงอารมณ์และน้ำเสียง
รายงานระบุว่า Vall-E เป็นอัลกอริธึมเอไอตัวใหม่ล่าสุดที่สามารถใช้ประโยชน์จากการบันทึกเสียงของผู้พูด และทำให้เอไอรุ่นดังกล่าวพูดคำและประโยคที่ผู้พูดไม่เคยพูดออกมา ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าทึ่งที่สามารถใช้เสียงเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างเสียงของผู้พูดทั้งหมดได้ ก่อนหน้านี้ อัลกอริธึม Lyrebird ของมหาวิทยาลัยมอนทรีออลเมื่อปี 2560 ต้องอาศัยการพูดถึง 1 นาที เพื่อดำเนินการวิเคราะห์เสียง แต่ Vall-E ใช้ตัวอย่างข้อมูลเสียงเพียง 3 วินาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ Vall-E ยังได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับการพูดภาษาอังกฤษประมาณ 6 หมื่นชั่วโมง โดยเป็นการฝึกฝนผ่านนักบรรยายหนังสือเสียงเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ นักวิจัยได้นำเสนอตัวอย่างเสียงมากมาย และ Vall-E พยายามเลียนแบบเสียงรูปแบบต่าง ๆ ของมนุษย์ โดยเอไอรุ่นดังกล่าวสามารถจับใจความของเสียงและสร้างประโยคใหม่ที่ฟังดูเป็นธรรมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม จนยากที่จะบอกว่าเสียงใดเป็นเสียงจริงและเสียงใดเป็นเสียงสังเคราะห์
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
Microsoft เปิดตัว VALL-E ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจำลองเสียงได้ภายใน 3 วินาทีไมโครซอฟท์ เรียกเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า VALL-E ซึ่งถูกฝึกฝนให้จดจำเสียงได้ จากการเรียนรู้เพียง 3 วินาทีเท่านั้น Microsoft artificialintelligence VALLE เทคโนโลยี ไทยรัฐออนไลน์
อ่านเพิ่มเติม »
เจพีมอร์แกนชี้ภาคการบริโภคสหรัฐยังแข็งแกร่งแม้เผชิญปัจจัยไม่แน่นอนทางศก. : อินโฟเควสท์สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ว่า นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ บิสสิเนส ว่า ภาคการบริโภคในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น “งบดุลของชาวสหรัฐอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีการใช้จ่ายมากกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถึง 10%” นายไดมอน กล่าว แม้ว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด นายไดมอนเผยว่า ความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจบรรเทาลงได้ด้วยดี พร้อมตั้งคำถามว่า ความไม่แน่นอนดังกล่าวเป็นเหตุผลที่เพียงหรือไม่ที่จะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 5% นายไดมอนยังกล่าวอีกว่า สหรัฐไม่ควรหวาดกลัวจีน แต่ควรระมัดระวังในการหารือกับจีน พร้อมเตือนว่าการตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจจะไม่เป็นผลดีต่อผู้บริโภคในสหรัฐและมองข้ามภัยคุกคามจากจีน พร้อมชี้ว่าค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐเหนือกว่าจีน “เรามีอาหาร น้ำและพลังงานทุกอย่างที่ต้องการ เราไม่จำเป็นต้องกลัว เราแค่ควรเจรจาเรื่องความมั่นคง ภาษี การค้า และเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญสำหรับเรา เราควรจัดการเรื่องนี้โดยตรง ตรงไปตรงมา และหนักแน่น” นายไดมอนกล่าว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ม.ค. […]
อ่านเพิ่มเติม »
มาเลเซียวอนผู้ผลิตน้ำมันปาล์มกระชับความร่วมมือหวังสู้กฎหมายใหม่ของ EU : อินโฟเควสท์มาเลเซียเรียกร้องในวันนี้ (12 ม.ค.) ให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มกระชับความร่วมมือ หลังสหภาพยุโรป (EU) ผลักดันกฎหมายใหม่ที่มุ่งลดการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันปาล์ม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อุปสงค์น้ำมันปาล์มของ EU ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มรายสำคัญนั้นคาดว่า จะลดลงอย่างมากในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจาก EU ได้กำหนดแนวทางการใช้พลังงานทดแทนในการขนส่งแทนที่การใช้เชื้อเพลิงที่ผลิตจากปาล์มภายในปี 2573 เพราะมีความเชื่อมโยงกับการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งนี้ EU เห็นพ้องกันเมื่อเดือนที่แล้วเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ซึ่งว่าด้วยการสกัดกั้นการขายสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับการตัดไม้ทำลายป่าในกลุ่ม 27 ประเทศ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ผลิตน้ำมันปาล์มชั้นนำอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย นายฟาดิลลาห์ ยูซอฟ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสินค้าโภคภัณฑ์ของมาเลเซียเรียกร้องให้สภาของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม (CPOPC) ซึ่งนำโดยอินโดนีเซียและมาเลเซีย ทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับกฎระเบียบใหม่ ๆ และโต้แย้ง “ข้ออ้างที่ไม่มีมูล” ของ EU และสหรัฐเกี่ยวกับความยั่งยืน (sustainability) ของน้ำมันปาล์ม นายฟาดิลลาห์กล่าวในการสัมมนาว่า “เราจะต้องประสานความพยายามให้มากขึ้นเพื่อแสดงจุดยืนของเรา และยืนหยัดเพื่อนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเรา” ทั้งนี้ นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียและนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เห็นพ้องกันว่าจะต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติด้านน้ำมันปาล์ม และกระชับความร่วมมือระหว่างสองชาติผ่านทาง CPOPC โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ม.ค. […]
อ่านเพิ่มเติม »
กรมบัญชีกลาง ปรับเกณฑ์เบิกจ่ายค่ายากลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง มีผล 1 ม.ค.66 : อินโฟเควสท์น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลาง ได้ดำเนินงานภายใต้คณะทำงานพิจารณาแนวทางปรับปรุงและพัฒนาระบบเบิกจ่ายค่ายากลุ่มโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคมะเร็ง และเภสัชกรเชี่ยวชาญ โดยล่าสุดคณะทำงานฯ มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโลหิตวิทยา ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ได้แก่ การปรับปรุงเงื่อนไขข้อบ่งชี้ในการเบิกจ่ายค่ายาในโครงการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งและโลหิตวิทยา หรือระบบ OCPA รายการยา Bortezomib ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Multiple myeloma (MM) โดยให้ผู้ป่วย MM ทั้งกลุ่ม transplant candidate และ non transplant candidate (ไม่จำกัดอายุ) สามารถใช้ยา Bortezomib เป็นขนานแรกได้ โดยจะมีผลใช้บังคับสำหรับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป “การปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโลหิตวิทยา ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ใช้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับวิวัฒนาการทางการแพทย์ และสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศ” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 […]
อ่านเพิ่มเติม »
คกก.โรคติดต่อฯ เคาะตั้งอนุกก.บริหารจัดการโควิดแบบไร้รอยต่อ : อินโฟเควสท์ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน เห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อให้มีกลไกการจัดการด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ดำเนินการอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลสูงสุด มีการประสานงานมาตรการที่ใช้กับผู้เดินทาง เพื่อให้การทำงานไร้รอยต่อ นายอนุทิน กล่าวว่า ปัจจุบันไม่มีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) การควบคุมป้องกันโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง กลับมาอยู่ภายใต้อำนาจ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จึงประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและทันสถานการณ์ ซึ่งตั้งแต่ประเทศไทยได้ผ่อนคลายมาตรการและเปิดรับผู้เดินทางจากทั่วโลก มีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ สายการบินมีคนเดินทางมากขึ้น 80% ทำให้ธุรกิจต่างๆ กลับมา พลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังเห็นชอบมาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยผู้เดินทางจากประเทศที่กำหนดให้มีผลตรวจ RT-PCR ขากลับ ต้องมีประกันสุขภาพโควิด-19 วงเงิน 1 หมื่นเหรียญ พร้อมเห็นชอบให้บริการวัคซีนโควิดชาวต่างชาติตามสมัครใจ รายละเอียด ดังนี้ – มาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 โดยมี 3 เรื่องย่อย […]
อ่านเพิ่มเติม »
สภาท่องเที่ยวมั่นใจอุตฯเดินทาง-ท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวรับจีนเปิดประเทศ : อินโฟเควสท์นางจูเลีย ซิมป์สัน ประธานและซีอีโอของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) แสดงความเชื่อมั่นว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกจะฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และคาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากนักท่องเที่ยวทั้งขาออกของจีน รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปยังประเทศจีน ในช่วงต้นเดือนธ.ค. 2565 จีนได้ตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ด้วยการผ่อนปรนข้อบังคับด้านการเดินทางและการเข้าใช้สถานที่สาธารณะ จากนั้นจีนได้ตัดสินใจเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออกในวันที่ 8 ม.ค. โดยยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ รวมทั้งออกวีซ่าให้กับชาวจีนที่อาศัยในแผ่นดินใหญ่สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศ “ก่อนที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาด อุตสาหกรรมการเดินทางและท่องเที่ยวมีการจ้างงานในอัตราส่วน 1 ใน 10 ของการจ้างงานทั่วโลก นี่เป็นภาคส่วนที่สำคัญมาก ซึ่งจะสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานจำนวนมาก” นางซิมป์สันให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว ผลสำรวจความเห็นของผู้บริโภคกว่า 26,000 คนใน 25 ประเทศซึ่งยูกอฟ (YouGov) ทำการสำรวจให้กับ WTTC ในช่วงปลายเดือนพ.ย. 2565 พบว่า ความต้องการเดินทางไปต่างประเทศอยู่ที่ระดับสูงสุดนับแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด โดย 63% ของผู้ที่ได้รับการสำรวจวางแผนที่จะเดินทางไปพักผ่อนในต่างประเทศในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทางด้านองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) เปิดเผยในเดือนพ.ย.เช่นกันว่า ภายในสิ้นปี 2565 การขยายตัวด้านการท่องเที่ยวทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะพุ่งแตะ 65% […]
อ่านเพิ่มเติม »