ต้นสัปดาห์นี้ สภาพัฒน์ จะแถลงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มว่า จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คาบลูกคาบดอก ไทยรัฐออนไลน์
เพราะวิกฤติเศรษฐกิจภาพรวมที่เกิดกับประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลกในเวลานี้ จะมีที่มาที่ไปและปัจจัยที่จะเกิดผลกระทบที่แตกต่างกัน ไม่ใช่เกิดจากวิกฤติการเงินการคลังโดยตรง และงานนี้ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ยืนยันว่า เงินตราสำรอง ของเรามากกว่าในช่วงที่เกิดวิกฤติปี 2540 มาก
ปัจจัยที่เราได้เปรียบจากประเทศอื่นๆคือการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั่นคือ ระบบสาธารณสุข และการดูแล ควบคุม ป้องกัน ดีที่สุด จนแทบจะเรียกได้ว่า ดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ นั่นคือ การ์ดเราไม่ตก ที่พูดกันจนติดปากมาจนถึงวันนี้ ทำเป็นเล่นไป คนไทยมีระเบียบปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะ คนไทยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แทนที่จะติดเชื้อโควิด-19 มากมายเหมือนชาติอื่น เรากลับมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19...
เรื่องของตัวเลขจากการคาดการณ์เราจะว่างงานแค่ 7-8 แสนคนหรือของจริงจะว่างงาน 2-3 ล้านคน จีดีพีจะติดลบร้อยละ 11-12 การส่งออกจะติดลบร้อยละ 8 ร้อยละ 15 ก็ติดลบกันหมด แต่ความได้เปรียบไม่ใช่อยู่ที่ตัวเลข ด้านแรก รัฐบาลไทย มีการลงทุนในโรงงานผลิตวัคซีนในต่างประเทศหลายแห่งด้วยกัน เมื่อมีวัคซีนป้องกันไวรัสออกมาใช้เราก็น่าจะได้รับพิจารณาในอันดับต้นๆ ในฐานะผู้ร่วมลงทุน ในประเทศ เองก็มีการลงทุนวิจัยและพร้อมที่จะผลิต โดยร่วมมือกับต่างประเทศดักเอาไว้ทุกทางเพราะถ้ามีวัคซีนเมื่อไหร่ เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวทันที
เวลานี้การลงทุน การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการบินจะชะลอตัวก็จริง แต่ความอัดอั้นของนักลงทุน นักท่องเที่ยว จะไหลมาเทมาหลังจากที่สามารถเอาชนะโควิด-19 ได้ เพราะมั่นใจระบบสาธารณสุขและการลงทุนในไทย เมื่อมีนักลงทุนเข้ามา นักท่องเที่ยวเข้ามา กลไกทางเศรษฐกิจเริ่มขับเคลื่อนมีการผลิตมีการจ้างงานภาคอสังหาริมทรัพย์บูมตามความต้องการของตลาด เหล่านี้คือ ที่ต้องร่วมแรง เปลี่ยนแปลง ปรับปรุงและแบ่งปัน.