ธนาคารโลก (World Bank) ระบุในรายงานฉบับใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2565 ว่า การระบาดใหญ่ของโควิด-19 และสงครามในยูเครน ทำให้โลกไม่น่าจะบรรลุเป้าหมายที่มีมาช้านานในการยุติความยากจนขั้นรุนแรงภายในปี 2573
โดยการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์หลังจากการลดความยากจนลงมานานหลายทศวรรษ โดยมีคนอีก 71 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในความยากจนขั้นรุนแรงในปี 2563
หากไม่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ประมาณ 574 ล้านคน หรือประมาณ 7% ของประชากรโลก จะยังคงอยู่ที่ระดับรายได้เดียวกันภายในปี 2573 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกา“ความก้าวหน้าในการลดความยากจนขั้นรุนแรงได้หยุดชะงักลงควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ลดลง” เขากล่าวในแถลงการณ์ โดยกล่าวโทษเงินเฟ้อ ค่าเงินอ่อนค่า และวิกฤติการณ์ที่ทับซ้อนกันในวงกว้างสำหรับการเพิ่มขึ้นของความยากจนขั้นรุนแรง
นอกจากนี้ยังจะจำกัดการเติบโตในประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากอัตราความยากจนขั้นรุนแรงจะป้องกันไม่ให้ประเทศกำลังพัฒนาที่มีประชากรหนาแน่นเหล่านี้กลายเป็นผู้บริโภคสินค้ารายใหญ่ในตลาดโลก องค์การกล่าวว่าการลดความยากจนได้ชะลอตัวลงแล้วในช่วง 5 ปีที่นำไปสู่การระบาดใหญ่ และคนยากจนที่สุดก็ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงลิ่วอย่างเห็นได้ชัด ธนาคารโลกกล่าวว่าคนที่ยากจนที่สุด 40% สูญเสียรายได้เฉลี่ย 4% ในช่วงการระบาดใหญ่ ซึ่งเป็น 2 เท่าของความสูญเสียที่ผู้มั่งคั่งที่สุดถึง 20%