เลือกตั้ง'66: เพื่อไทยชี้นโยบายขึ้นค่าแรงป.ตรี หวังยกระดับรายได้-คุณภาพชีวิต การเมือง ค่าแรงขั้นต่ำ ปริญญาตรี พรรคเพื่อไทย เลือกตั้ง66 อินโฟเควสท์
นโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทว่า มีความจริง 3 ข้อ คือ ข้อหนึ่ง เมื่อ 11 ปีที่แล้วรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยกระดับเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 15,000 บาทได้สำเร็จ หลังจากนั้นกลับถูกละเลยโดยรัฐบาลต่อมา เงินเดือนปริญญาตรีก็ย่ำอยู่กับที่ ขณะที่ค่าครองชีพขึ้นกว่า 17% ผลิตภาพแรงงานโตกว่า 20%
วันนี้ พรรคเพื่อไทย จะแก้ที่ต้นเหตุ เราจะสร้างรายได้ให้กับคนวัยทำงาน ให้แก่ไปพร้อมกับเงินเก็บ ไม่ใช่แก่ไปพร้อมกับกองหนี้ พรรคเพื่อไทย จะยกระดับรายได้คนวัยทำงานทั้งระบบ ยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานเงินเดือน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงนักศึกษาที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน ด้วยนโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทย ต้องการเห็นข้าราชการยิ้มได้ นักศึกษาจบใหม่เข้าตลาดแรงงานด้วยความหวัง และพนักงานเงินเดือนหลุดจากวังวนหนี้ ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น เหล่านี้คือเจตจำนงของเรา นโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570 จะยกระดับรายได้บุคคลากรภาครัฐอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และผลิตภาพข้าราชการ โดยไม่ให้กระทบภาระทางการคลัง และทำควบคู่กับการยกเครื่องระบบราชการทั้งระบบให้เล็ก เร็ว คล่องตัว ด้วยรัฐบาลดิจิทัล ใช้บล็อกเชนเข้าบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดทั้งความโปร่งใสและประสิทธิภาพ และประโยชน์ต่อประชาชน
“วันนี้พรรคเพื่อต้องการเห็นข้าราชการยิ้มได้ นักศึกษาจบใหม่เข้าตลาดแรงงานด้วยความหวัง และพนักงานเงินเดือนหลุดจากวังวนหนี้ ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น เหล่านี้คือเจตจำนงของเรา”
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เลือกตั้ง'66: รทสช.โอ่มีแหล่งงบทำนโยบายประชานิยมชัดเจน ไม่ล่องลอย : อินโฟเควสท์นายธนกร วังบุญคงชนะ ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ ได้ปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยย้ำถึงนโยบายการสร้างความเท่าเทียมและความเป็นธรรม ดูแลผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดูแลปัญหาปากท้องของประชาชน สอดคล้องกับนโยบายพรรคฯ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” โดยในส่วนของนโยบายบัตรสวัสดิการพลัส ที่จะเพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็น 1,000 บาทต่อเดือน และปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจากเดิมแบบขั้นบันได ให้เท่ากันหมดเป็น 1,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ จะขยายการดูแลให้ครอบคลุมถึงกลุ่มอาชีพอิสระ ให้ได้รับสวัสดิการสามารถเข้าระบบประกันสังคมถ้วนหน้า ส่วนปัญหาราคาสินค้าเกษตรนั้น มีโนบายจัดตั้งกองทุนพยุงราคาสินค้าเกษตร รวมถึงเพิ่มเงินสนับสนุนต้นทุนการผลิตจากที่เคยได้ไร่ละ 700 บาท เป็นไร่ละ 2,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 5 ไร่ โดยการดำเนินงานทุกนโยบาย จะมีแหล่งที่มาของงบประมาณชัดเจน ไม่ได้มีนโยบายแจกเหมือนพรรคการเมืองอื่น ที่ยังไม่รู้ว่าจะหางบประมาณมาจากไหน และไม่มีนโยบายหาเงินเข้าประเทศ “หลังจากพรรครวมไทยสร้างชาติประกาศนโยบายทั้งหมดออกมา ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนอย่างกว้างขวาง เพราะทุกคนต่างคาดหวังว่านโยบายที่ประกาศออกมา จะทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: 'พงศกร ขวัญเมือง' ร่วมทีมปชป. ลงสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ : อินโฟเควสท์นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้พรรคฯ จะเปิดตัวคนรุ่นใหม่ที่จะมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.กทม. จำนวน 14 คน แม้บางคนจะเปิดตัวไปบ้างแล้ว แต่มีคนรุ่นใหม่ๆ อีกหลายคนที่เปิดตัวในวันนี้ นายจุรินทร์ ยังขอบคุณนายพงศกร ขวัญเมือง อดีตโฆษก กทม. บุตรชายของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. ที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายพงศกร จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กทม. ในเขตคลองเตย “นายพงศกร ถือว่าเป็นคนที่มั่นคงกับประชาธิปัตย์ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม นายพงศกรจึงได้แจ้งว่ามีความสนใจ และพรรคฯ ก็เปิดโอกาสทันที โดยได้ประสานนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่ กทม.” นายจุรินทร์ กล่าว โดยวันนี้ ได้มอบหมายให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคฯ เป็นประธานแถลงข่าว และคาดว่าในวันที่ 6 มี.ค.66 พรรคฯ จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: รวมไทยสร้างชาติ กางนโยบายชุดแรก-เปิดตัวผู้สมัคร : อินโฟเควสท์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เผยแพร่นโยบายชุดแรก “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ผ่านทางเฟซบุ๊กพรรคฯ ซึ่งส่วนหนึ่งได้เปิดเผยไปก่อนหน้านี้แล้ว บนเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ – เพิ่มสิทธิให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการพลัสเป็น 1,000 บาทต่อเดือน เริ่มจากกลุ่มรายได้น้อย – ปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากเดิมแบบขั้นบันได (อายุ 60 ปีได้เดือนละ 600 บาท/อายุ 70 ปีได้ 700 บาท/อายุ 80 ปีได้ 800 บาท) เป็นให้เท่ากันทุกช่วงอายุ คนละ 1,000 บาทต่อเดือน – ดูแลผู้สูงวัยด้วยการสร้างศูนย์สันทนาการ และลดภาษีให้ผู้ประกอบการที่จ้างผู้สูงวัยทำงาน – ให้ทุนเรียนวิชาชีพอำเภอละ 100 ทุน มีสถาบันกำเนิดศิลป์ ปั้นศิลปินไทยสู่เวทีโลก – สานต่อโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ภาค 2 – สร้างระบบแพทย์ 24 ชั่วโมง ปรึกษาแพทย์ผ่านระบบแพทย์ทางไกล – […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: พปชร.ไม่ติดใจหลัง รทสช.โคลนนิ่งนโยบายหาเสียง : อินโฟเควสท์นายอุตตม สาวนายน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ไม่ติดใจกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศนโยบายหลายเรื่องบนเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดนครราชสีมา และมีทับซ้อนกับนโยบายของพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน “พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งได้ประกาศชัดเจนก่อนหน้านี้ ว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ พรรคพลังประชารัฐยินดีให้การสนับสนุน ไม่ต้องการเอาชนะคะคานกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนต่างก็รับทราบดีว่านโยบายต่างๆ มีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด ใครเป็นคนคิดริเริ่มและผลักดันจนเป็นรูปธรรม เพียงแต่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ทุกเรื่องจะต้องผ่านความเห็นชอบของ ครม. ซึ่งมีนายกฯ เป็นหัวหน้า ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหิ้วเอานโยบายเหล่านั้นติดตัวไปอยู่พรรคอื่นด้วย” นายอุตตม กล่าว พร้อมยกตัวอย่าง นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งหากย้อนกลับไปดูว่าโครงการนี้เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนครั้งแรกในปี 2559 ซึ่งขณะนั้นคนที่เข้ามาคุมนโยบายเศรษฐกิจให้รัฐบาล คสช. คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่กลางปี 2558 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้กำกับดูแลหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ และที่เกี่ยวข้อง 9 หน่วยงาน คือ […]
อ่านเพิ่มเติม »
PPS เซอร์ไพร์ซผถห.เคาะจ่ายปันผลในรอบ 3 ปี มั่นใจปี 66 โตต่อเนื่อง-ทยอยคืนหนี้ทอนภาระดอกเบี้ย : อินโฟเควสท์นายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 438.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 396.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.66% และมีกำไรสุทธิ 21.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.38% ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้โครงการตามแผนดำเนินงานที่วางไว้ รวมถึงปรับประมาณการรายได้จากโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้รับรู้รายได้เพิ่มในเดือน ธ.ค.65 และมีกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้จะมีค่าใช้จ่ายผลตอบแทนพนักงานเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วก็ตาม ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติให้กลับมาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในรอบ 3 ปีหลังเผชิญวิกฤติโควิด-19 จำนวน 0.01 บาทต่อหุ้น จำนวนเงินไม่เกิน 8.60 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 30.65% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) 8 พ.ค. 65 กำหนดจ่ายปันผล 24 พ.ค.65 […]
อ่านเพิ่มเติม »