เลือกตั้ง'66: ปชป. ข้องใจนโยบายแจกเงินดิจิทัล ชี้เป็นเบี้ยหัวแตก การเมือง พรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย เงินดิจิทัล เลือกตั้ง อินโฟเควสท์
นายเกียรติ สิทธีอมร คณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ว่า ตนได้รับคำถามเยอะมาก ดังนั้นพรรคจึงขอตั้ง 5 คำถามถึงนโยบายนี้ ได้แก่
2. พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยกับการนำเงินภาษีประชาชนไปแจกคนรวย เพราะในจำนวน 55 ล้านคน อาจมีคนต้องการความช่วยเหลือ 10-15 ล้านคน ส่วนที่เหลือ 35 ล้านคน ไม่ได้ต้องการเงินช่วยเหลือ แต่นำเงินภาษีไปช่วยเขาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าเป็นแบบนั้นพรรคไม่เห็นด้วย เพราะกลายเป็นเอาเงินภาษีไปช่วยคนที่มีรายได้เพียงพออยู่แล้ว จะอ้างกระตุ้นเศรษฐกิจฟังไม่ได้ เนื่องจากมีหลายวิธีที่จะทำ
4. ภาษีมีจำกัด และภาระของประเทศมีมาก ดังนั้นทุกบาททุกสตางค์ต้องเข้าเป้า ไม่ใช่กระจายแบบเบี้ยหัวแตก จึงเสนอวิธีง่ายๆ คนไหนที่ไม่มีบัญชีธนาคาร เอาเงินไปให้เขา 1 หมื่นบาท หรือคนมีเงินในบัญชีไม่ถึง นำไปเติมให้ครบ 1 หมื่นบาท อันนี้ถือว่าตรงเป้าหมาย และวิธีนี้ง่ายกว่าหรือไม่ ถึงมือประชาชนด้วย โดยไม่ต้องผ่านกระเป๋าดิจิทัลของใครเลย และเงินตรงไปถึงคนที่ต้องช่วยจริงๆ
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เลือกตั้ง'66: ปชป.แจงอัดฉีด 1 ล้านลบ.ดันเศรษฐกิจฐานราก-กระตุ้น GDP โต : อินโฟเควสท์นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ชี้แจงประเด็น “อัดฉีดเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ใครได้อะไร” ว่า พรรคนำเสนอการอัดฉีดเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท เพื่อต้องการกระตุ้นให้เศรษฐกิจโตถึง 5% ตามศักยภาพที่มีอยู่ เพราะถ้าเศรษฐกิจโตต่ำกว่า 5% จะไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุน เมื่อไม่มีการลงทุนเกิดขึ้น เศรษฐกิจไทยก็จะไม่สามารถซัพพอร์ทดูแลประชาชนที่ลำบากได้ และที่ผ่านมาเรามาผิดทาง เพราะเรากระตุ้นคนโดยการใช้จ่าย “พรรคนำเสนอวิธีคิดใหม่ คือ การกระตุ้นนำเงินเก่าที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ ไม่ใช่กู้เงิน หรือไปก่อหนี้ แต่เป็นการเอาเงินเก่า สินทรัพย์ที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ให้ได้ 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน” นายพิสิฐ กล่าว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงิน 1 ล้านล้านบาทจะอัดเข้าไปในระบบโดยไม่สร้างหนี้ และลดหนี้ครัวเรือนด้วย ประกอบด้วยนโยบายธนาคารหมู่บ้านและชุมชนๆ ละ 2 ล้านบาท วงเงิน 1.8 แสนล้านบาท, ปลดล็อคกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถซื้อบ้านได้ วงเงิน 3 แสนล้านบาท, กองทุนช่วยเพิ่มทุน […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:'สมชัย'อัดกกต.ไฟเขียวหาเสียงเอาเงินหลวงมาสัญญาว่าจะให้ไม่ผิดกม.เลือกตั้ง : อินโฟเควสท์นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทยและอดีตกกต. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า ประชานิยม ต้องมีขอบเขต ยังอีก 35 วันถึงจะเป็นวันเลือกตั้ง นโยบายหาเสียง และ “ของ” ต่าง ๆ ยังถูกปล่อยไม่หมด สิ่งดี คือประชาชน จะได้ข้อเสนอจากพรรคการเมือง ว่าจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้น ถูกใจประชาชนมากขึ้น โดย “ข้อเสนอ” ที่เป็นตัวเงิน ดูจะจูงใจได้มากที่สุด ข้อเสนอทางตัวเงินที่ให้กับประชาชนถ้าเป็นเงินส่วนตัว นั่นคือการซื้อเสียงอย่างชัดเจน ถ้าก่อนหน้าเลือกตั้งคือ การซื้อเสียง หากหลังเลือกตั้ง คือ สัญญาว่าจะให้ แต่เมื่อ เลขาธิการ กกต. มาเปิดทาง ว่า ข้อเสนอที่ใช้เงินของรัฐ ถือเป็นนโยบาย ไม่ใช่ สัญญา ว่าจะให้ วันนี้ 700 , 1000, 3,000 , 10,000 บาท อีก 34 วันที่เหลือ […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:'กรณ์-จูรี'ลุยชุมพรช่วยหาเสียงขอโอกาสลูกชาวบ้านกาให้ชาติพัฒนากล้า : อินโฟเควสท์นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กตอกขวัญใจคนใต้ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.สงขลา และทีมงาน ได้ตระเวนช่วยผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และพื้นที่สุดท้ายคือ ที่จ.ชุมพร โดยนายกรณ์ และ นายจูรี ลงพื้นที่ช่วย จ.ชุมพร เพื่อช่วย ทนายลิขิต ศรีชาติ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.ชุมพร โดยพบปะพี่น้องประชาชนบริเวณ บริเวณหลาดเล อ.ท่าแซะ และจัดเวทีปราศรัยที่ ถนนคนเดินสะพลี อ.ปะทิว โดยมีประชาชนให้ความสนใจและให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก และอบอุ่น นายกรณ์ กล่าวว่า จ.ชุมพร ถึงเวลาต้องมีการเขย่าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ๆ ได้เข้ามาทำการเมืองสร้างสรรค์ พรรคชาติพัฒนาเราส่งผู้แทนคุณภาพที่เป็นลูกชาวบ้าน คือ ทนายลิขิต ศรีชาติ เป็นอดีตรองนายกอบจ.ที่ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนมากว่า 3 ปี แล้ว […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:'เอกนัฎ'นำทีมลงพื้นที่ขอคะแนนคนกรุงให้ผู้สมัครรวมไทยสร้างชาติ : อินโฟเควสท์นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย นายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้บริหารพรรค ลงพื้นที่หาเสียงขอคะแนนจากชาวบ้านให้ช่วยสนับสนุน น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 14 วังทองหลาง (เฉพาะแขวงเจ้าคุณสิงห์) บางกะปิ เบอร์ 11, นายศุกล กุลสิงห์ ผู้สมัคร ส.ส กทม. เขต13 ลาดพร้าว (ยกเว้นจระเข้บัว) บึงกุ่ม (ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม) เบอร์ 5 และน.ส.กาญจนา ภวัครานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต15 คันนายาว บึงกุ่ม(เฉพาะแขวงคลองกุ่ม) เบอร์ 11 พร้อมทั้งเดินตลาดพบประชาชนในพื้นที่ของผู้สมัครแต่ละคน นายเอกนัฏ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่รณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจถึงเบอร์ผู้สมัครในแต่ละเขต และเบอร์ของพรรคคือ 22 วันนี้มาพบประชาชนที่มาออกกำลังกายในสวนพฤกษชาติ และประชาชนที่มาเดินตลาด แต่ละเขตผู้สมัครของพรรคล้วนเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่รู้จักของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ เท่าที่เดินสัมผัสพื้นที่มีแต่เสียงชื่นชม น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ผู้สมัครเบอร์ […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:'นฤมล'ย้ำนโยบายพปชร.เน้นทำได้จริงไม่พึ่งงบประมาณทั้งหมดมองหารายได้เพิ่ม : อินโฟเควสท์นางสาวนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กรรมการบริหารพรรค-เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า นโยบายของพปชร.มุ่งเน้นการทำได้จริงไม่ใช่เป็นแค่การหาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนและเมื่อทำแล้วจะมีคำตอบว่าใช้งบประมาณของประเทศหรือไม่ อย่างไร รวมไปถึงแหล่งรายได้ที่จะเกิดขึ้น และที่สำคัญนโยบายต่างๆ ของพปชร.จะมองแบบครบวงจรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งการดำเนินงานและการใช้งบประมาณ “คำว่านโยบาย ถ้าแปลกันจริงๆ ต้องเป็นเรื่องที่มองระยะยาว ประเภททำเป็นปีแล้วเลิก หรือแค่มาเขียนบนป้ายหาเสียงไว้เฉยๆ เพื่อให้ได้คะแนน แบบนี้สำหรับพปชร.เราไม่เรียกว่านโยบาย เปรียบเสมือนองค์กรเราจะเลือกผู้นำหรือทีมบริหารเราก็ต้องดูทีมดังกล่าวมีศักยภาพ มีวิสัยทัศน์อย่างไร ไม่ใช่แข่งกันว่าใครใช้เงินเก่งกว่ากัน แต่ไม่พูดเลยว่าหาเงิน รายได้จากไหนพูดแต่จะจ่ายอย่างเดียว “นางสาวนฤมลกล่าวย้ำ สำหรับนโยบายพปชร.จะมีการสื่อสาร 2 ระดับคือชุดนโยบายจริงๆ ที่จะมีเรื่องของการหารายได้และรายได้ที่จะได้มาในการนำไปช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งในป้ายหาเสียงอาจเห็นเพียงบางส่วนต้องมองภาพรวมทั้งก้อน ต้องคิดครบวงจรและอยากให้ทุกพรรคการเมืองคิดแบบครบวงจรจริงๆ โดยแหล่งรายได้ที่จะนำมาทำนโยบายที่พรรคหาเสียงไว้ ซึ่งไทยมีรายได้แต่ละปีมาจากการจัดเก็บภาษีต่างๆอยู่ 2.4-2.5 ล้านล้านบาทที่ไม่เพียงพอรายจ่ายที่มีกันอยู่ราว 3.2-3.3 ล้านล้านบาทต่อปีจะสามารถเพิ่มส่วนนี้อย่างไร โดยปัจจุบันมีการกู้อยู่ประมาณ 7 แสนล้านบาทซึ่งเงินกู้นี้ทำได้อย่างเดียวตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ฯ บัญญัติไว้ว่า งบประมาณรายจ่ายเพื่อการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศต้องมีไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินทั้งหมดในร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปี ด้วยข้อจำกัดในการเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นคงยากและการกู้คงมากไปกว่านี้ไม่ได้เพราะติดเพดานหนี้สาธารณะ จึงมองการหาแหล่งรายได้จากทางอื่นคือการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หมายถึง การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public. Private Partnership หรือ PPP)เพื่อลดภาระรายได้ที่จะได้มาจากการเก็บภาษี และอีกส่วนหนึ่งคือการใช้ศักยภาพของตลาดทุนโดยการตั้งกองทุนเพื่อระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:'ชัยเกษม'บินกลับกทม.รักษาตัวหลังพบอาการป่วย ชี้อาการดีขึ้นนั่งคุยปกติ : อินโฟเควสท์นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า วันนี้นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. ไม่ได้ร่วมขบวนหาเสียงทางภาคเหนือในจ.แพร่และจ.ลำปาง เนื่องจากเมื่อวานนี้ (8 เม.ย.) ต้องเข้ารับการรักษาที่รพ.น่าน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนและนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. ได้เยี่ยมดูอาการนายชัยเกษมแล้ว โดยช่วงเช้านี้จะเดินทางออกจากรพ.เพื่อไปสนามบินเดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อรับการรักษา แต่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบว่าอาการดี นั่งคุยกับนพ.ชลน่าน ได้ปกติ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า สาเหตุที่ได้รับการเปิดเผยคือมีเลือดออกในสมองกระทบการทรงตัว แต่เป็นไม่มาก ไม่มีผลกระทบถึงความเจ็บปวด เป็นอาการช่วงสั้นๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นมากี่วันแล้ว ดังนั้นนายชัยเกษมจะนั่งเครื่องบินกลับในช่วงเช้านี้ คาดว่าต้องมีทีมแพทย์และเครื่องมือในการพานายชัยเกษมกลับกรุงเทพฯ และคาดว่าจะเข้ารับการรักษาที่รพ.พระราม 9 อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3-5 วันนี้ นายชัยเกษม ยังไม่สามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ เพราะต้องดูอาการและรักษาอาการให้ดีขึ้นก่อน. โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »