เทียบท่าที่มาเนาส์ วิทูรย์ทิพย์กองลาศ เบืองหน้าที่ปรากฏ
เด็กวัยรุ่นกลุ่มที่ดื่มกับผมเมื่อคืนบอกว่าน่าจะถึงมาเนาส์ตอนเที่ยงๆ คุณน้าบุรุษพยาบาลประจำเรือให้ผมดูโทรศัพท์มือถือของแกซึ่งใช้ระบบสัญญาณผ่านดาวเทียมแจ้งพิกัดตำแหน่งเรืออยู่ตลอดเวลา จึงได้รู้ว่าเหลืออีก 30 กิโลเมตรเท่านั้น
พอแจ้งเวลาเรือเทียบท่าให้ทางคณะรับทราบ ผมก็ได้รับมอบหมายให้จองที่พัก แต่ในเรือไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต จะมีก็ต่อเมื่อเรือใกล้จอดที่ท่ามาเนาส์ และต้องเป็นการแชร์สัญญาณจากเครื่องคนอื่นเพราะซิมการ์ดบราซิลของผมยังใช้การไม่ได้ ระหว่างนี้ผมก็ขอถ่ายรูปบุคคลที่น่าประทับใจในการเดินทางครั้งนี้หลายคน อาทิ บุรุษพยาบาล กัปตันเรือ ผู้ช่วยกัปตัน หนุ่มอ้วนเจ้าของร้านค้าประจำเรือ เอดัวร์โด-นักมวยไทย กลุ่มวัยรุ่นนักศึกษาปี 1 ในมาเนาส์ และที่จะลืมไม่ได้คือเจ๊แม่ครัวผู้ทำงานหนัก ทั้งทำอาหาร ตักอาหารแจกผู้โดยสาร...
สำหรับเมืองมาเนาส์ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแอมะซอนนั้น แม่น้ำที่ไหลผ่านเป็นหลักคือแม่น้ำเนโกร จุดบรรจบที่โซลิโมยส์เชื่อมกับเนโกรนั้นเกือบจะเลยตัวเมืองมาเนาส์ไปแล้ว และแม่น้ำทั้ง 2 สีนี้ไหลขนานกันไปถึง 9 กิโลเมตรโดยไม่รวมเป็นสีเดียวหรือเนื้อเดียวกัน เมืองมาเนาส์จึงเป็นเมืองน้ำดำ หรือจะให้ชื่อแบบไทยๆ ว่า เรือโดยสารของเราไม่ได้แล่นไปยังจุดบรรจบตามธรรมชาติของสองแม่น้ำ หากแต่แล่นเลี้ยวซ้ายเข้าคลองเชื่อมซึ่งอยู่ใกล้กว่าประมาณ 15 กิโลเมตร คลองนี้ยาวประมาณ 3 กิโลเมตร หลุดออกมาจากคลองก็พบกับน้ำดำ...
ท่าเทียบเรือมีลักษณะคล้ายลานจอดรถ คนในคณะของเราที่ลงไปก่อนเจรจาได้รถตู้เก่าคันหนึ่งซึ่งเป็นแท็กซี่ดัดแปลงไว้ใส่กระเป๋าสัมภาระในช่วงกลางรถได้หลายใบ รถสีส้ม คนขับก็ใส่เสื้อสีส้ม ผมเข้าไปบอกกับชายทั้งคู่เป็นภาษาอังกฤษซึ่งพวกเขาพอฟังเข้าใจว่าเราจะไม่จ่ายเป็นเงินดอลลาร์ คิดมาใหม่ว่ากี่เรียล ฝ่ายคนอายุมากคิด 100 เรียลต่อคน รวมแล้วตก 1,400 บาท สำหรับค่าขนกระเป๋า 50 เมตร ผมบอกว่าจะจ่ายคนละ 10 เรียล พวกเขาไม่ยอม เพิ่มให้คนละ 20 เรียล ก็ยังไม่พอใจ เลยเอาเงินใส่มือ คนอายุมากเอามือหลบไปไพล่ไว้ข้างหลังและส่ายหน้า ผมก็ยัดใส่มือคนอายุน้อย หมอนี่รับไว้ ผมบอกคนอายุมากว่าไม่รับก็เรื่องของคุณนะ เราจะไปแล้ว เขาเห็นว่าในมือผมยังมีใบละ 2 เรียลและ 5 เรียลก็ขออีก ผมรำคาญก็ให้ไป...