ผู้บริโภคตั้งเป้าอนาคตยั่งยืน โฟกัสเรื่อง Health & Wellness Cuisine, Elderly Food, Sustainable Food จากการประเมิน 5 เทรนด์ของธุรกิจร้านอาหารที่จะได้รับความนิยมในอนาคต
ให้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ดึงดูดผู้ประกอบการทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่มุ่งสู่ธุรกิจร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดคำถามที่น่าสนใจว่า เทรนด์ร้านอาหารที่น่าจับตามองในยุคหลังโควิดจะเป็นอย่างไร และผู้ประกอบการควรมีแนวทางในการรับมือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?ได้ศึกษาถึงเทรนด์ที่น่าสนใจในธุรกิจร้านอาหารหลังการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะเทรนด์ด้านความยั่งยืนที่เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารจากนี้ไป...
ในขณะที่การเติบโตของธุรกิจร้านอาหารยุค Post covid ที่แม้ว่าจะกลับมาเติบโตมากขึ้นหลังสถานการณ์แพร่ระบาดคลี่คลาย แต่ภาพรวมธุรกิจในปี 2566 ยังต่ำกว่าช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดเล็กน้อย โดยมูลค่าตลาดคิดเป็น 92% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิดแพร่ระบาด เนื่องจากร้านอาหารบางกลุ่ม โดยเฉพาะ Full Service เช่น ภัตตาคาร สวนอาหาร ยังฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า เนื่องจากผู้คนเริ่มชินกับการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี รวมทั้งความระมัดระวังในการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทำให้กำลังซื้อในประเทศลดน้อยลง ขณะที่ในปี 2567...
ผลสำรวจชี้ว่า ผู้สูงอายุถึง 95% มีความพร้อมที่จะใช้จ่ายสำหรับอาหารเพื่อดูแลสุขภาพ ขณะที่ 76% ยินดีที่จะรับประทานมื้ออาหารพิเศษนอกบ้าน โดยข้อมูลดังกล่าวของ IPSOS ก็สอดคล้องกับงานวิจัยเรื่อง “AWUSO Society 4.
สำหรับข้อมูลของไทย ซึ่งเผยแพร่โดยกรมควบคุมมลพิษชี้ว่า ไทยมีการสร้างขยะเฉลี่ยถึงปีละ 27-28 ล้านตัน และกว่า 64% ของทั้งหมดคือ Food Waste ส่งผลให้ในแต่ละปี คนไทย 1 คน จะสร้างขยะอาหารสูงถึง 254 กิโลกรัมต่อปี โดย Food Waste บางส่วนที่เป็นอาหารส่วนเกินที่เกิดจากการที่ภาคธุรกิจ ภาคเกษตร รวมถึงครัวเรือน ยังขาดความรู้และการจัดการอย่างจริงจังRobotics in Restaurant...
ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง คือ 2 แรงผลักดันสำคัญให้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในธุรกิจร้านอาหาร ปัจจุบันจะเห็นการใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยเสิร์ฟอาหารกันมากขึ้นตามร้านอาหารชื่อดังต่างๆ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดขึ้นมาจากปัญหาขาดแคลนแรงงานในธุรกิจร้านอาหาร และต้นทุนแรงงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากตัวเลขค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยของธุรกิจร้านอาหาร ที่สูงขึ้นจากวันละ 365 บาท ในปี 2561 มาอยู่ที่วันละ 385 บาทในปี 2565 และวันละ 390 บาท ในครึ่งแรกของปี 2566...