ราคาทองคำช่วงวันที่ 1 ก.ย. -22 ก.ย.ที่ผ่านมาปรับตัวลง 15 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ส่วนในสัปดาห์หน้านี้จะลงต่อหรือไม่มีปัจจัยบวก-ลบที่ต้องติดตามอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย
นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางช่วง 1-22 ก.ย.ปรับตัวลงประมาณ 15 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถูกกดดันจากจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้เป็นผลจากการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดย เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในสิ้นปีนี้และ ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีหน้า จากเดิมที่เฟดคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้งในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทองแท่ง 96.5 % ทะยานขึ้นจนราคาสร้างระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ที่บาทละ 32,950 บาท โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาเคลื่อนไหวเหนือระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเดือน ส.ค. เร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัว คาดว่าส่งผลให้ กนง. มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.5% ภายในช่วงที่เหลือของปี
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/66 ออกมาต่ำกว่าคาดขยายตัวเพียง 1.8% ทำให้จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ใหม่ จากปัจจุบันคาดว่าจะขยายตัว 3.6% โดยหากส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง จะส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าและกดดันราคาทองคำในประเทศได้: Jerome Powell และ ประธารเฟดสาขาต่างๆ เช่น ประธานธนาคารกลางมินนิอาโปลิส : Neel Kashkari , ประธานธนาคารกลางสหรัฐแห่งชิคาโก : Austan Goolsbee , ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขานิวยอร์ก : John C.