เงินบาทเปิด 33.62 อ่อนค่า หลังตัวเลขศก.สหรัฐหนุนดอลลาร์แข็งค่า-จับตาเงินไหลออก ค่าเงินบาท เงินบาท อินโฟเควสท์
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.62 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.99 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์แข็งค่าเนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของ สหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ดีเกินคาดกว่า 5 แสนตำแหน่งจากที่ตลาดคาดไว้ 1.
– สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เตรียมประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในเดือน ม. ค.66 ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวลงต่อเนื่องจากแนวโน้มราคาพลังงานที่ประบตัวลดลง – สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐมีแนวโน้มบานปลาย หลังจากกองทัพสหรัฐได้ตัดสินใจยิงบอลลูนสอดแนมของจีนตก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังพบว่าบอลลูนดังกล่าวลอยอยู่เหนือน่านฟ้าของสหรัฐหลายวันแล้ว
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ค่าเงินบาทเปิดตลาด 'อ่อนค่า' ผวาเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย จับตาเงินไหลออกค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ 33.55 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ 32.96 บาทต่อดอลลาร์ จับตาเงินไหลออกหุ้น-พันธบัตร อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม PPTVHD36 เรื่องข่าวเรื่องใหญ่ ค่าเงินบาท ดอกเบี้ยเฟด
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ กังวลจ้างงานสหรัฐแกร่งหนุนเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย : อินโฟเควสท์ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 21,349.17 จุด ร่วงลง 311.3 จุด หรือ -1.43% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,244.70 จุด ลดลง 18.71 จุด หรือ -0.57% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดลบ 0.4% และดัชนีตลาดหุ้นออสตเรเลียเปิดปรับตัวลง 0.15% อย่างไรก็ดี ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 27,764.66 จุด เพิ่มขึ้น 255.2 จุด หรือ +0.92% เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% ทั้งนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ FedWatch Tool ของ CME […]
อ่านเพิ่มเติม »
RT หวังพลิกมีกำไร H2/66 ทยอยส่งมอบงานบุ๊ครายได้ พร้อมจ่อประมูลงานใหม่ตุน Backlog : อินโฟเควสท์นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง (RT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโต 100% และคาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรในช่วงครึ่งปีหลังของปี 66 โดยบริษัทมุ่งเน้นแผนกลยุทธ์พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานก่อสร้างให้มีความรวดเร็ว เพื่อส่งมอบงานก่อสร้างในมือให้แล้วเสร็จตามแผน อีกทั้งเดินหน้าแผนการบริหารจัดการต้นทุนก่อสร้างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมีการติดตามแนวโน้มราคาและการวางแผนการสั่งซื้อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัสดุ อีกทั้งบริษัทมีความร่วมมือกับพันธมิตรก่อสร้างเพื่อลดต้นทุนการก่อสร้างและเพิ่มศักยภาพการเข้ารับงานในอนาคต ขณะที่บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากงานก่อสร้าง อาทิ งานก่อสร้างอุโมงค์ในโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 3 จ.สระบุรี-จ.นครราชสีมา, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์จากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ถึง ถ.ราชพฤกษ์, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองทวีวัฒนา บริเวณคอขวด, โครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง, โครงการก่อสร้างทางหลวง อ.นาทวี จ.สงขลา และ งานก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ นอกจากนี้บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานโครงการภาครัฐเพิ่มขึ้น ต่อยอดจากการเป็นผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) โดยมุ่งเน้นงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ และงานเอกชนที่มีระยะเวลาการดำเนินงานสั้นเพื่อยอดรับรู้รายได้ต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทเข้ารับงานด้วยราคาต้นทุนการก่อสร้างที่สะท้อนตามจริงเพื่อเพิ่มความสามารถการทำกำไรให้กลับมาในระดับที่เหมาะสม โดยบริษัทมีสัดส่วนงานดังกล่าวจำนวนอยู่ที่ 90% ของงานทั้งหมด ด้านงานต่างประเทศ บริษัทมุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนการเข้ารับงานต่างประเทศมากขึ้น 5-6% ซึ่งปัจจุบันบริษัทเข้ารับงานก่อสร้างงานโยธาสำหรับโครงสร้างถาวร โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มูลค่า […]
อ่านเพิ่มเติม »
นายกฯเยอรมนีย้ำรัสเซียต้องรับผิดชอบต่อสงครามยูเครนแต่เพียงผู้เดียว : อินโฟเควสท์สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บิลด์ อาม ซอนทาก (Bild am Sonntag) ฉบับวันอาทิตย์ (5 ก.พ.) ว่าในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างตัวเขากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย นั้น ปธน.ปูตินไม่ได้มีการข่มขู่ตัวเขาหรือเยอรมนีแต่อย่างใด ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังนายบอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีเมื่อต้นสัปดาห์ว่า ปธน.ปูตินขู่ตัวเขาว่า จะทำการยิงขีปนาวุธ ซึ่งจะใช้เวลาเพียงไม่นาน ก่อนที่ทางรัสเซียจะออกมาแย้งว่านายจอห์นสันนั้นโกหก นายโชลซ์ระบุว่า การสนทนาระหว่างตัวเขากับปธน.ปูตินนั้นชัดเจนว่าพวกเขามีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสงครามยูเครน นายโชลซ์กล่าวว่า “ผมชี้แจงอย่างชัดเจนต่อปธน.ปูตินว่า รัสเซียเป็นผู้ต้องรับผิดชอบต่อสงครามยูเครนแต่เพียงผู้เดียว รัสเซียทำการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่มีเหตุผลเพื่อยึดครองส่วนหนึ่งของยูเครนหรือทั้งหมด” โดยนายโชลซ์ชี้ว่า เพราะเยอรมนีมีมุมมองว่าการกระทำของรัสเซียนั้นขัดต่อกรอบการทำงานเพื่อสันติภาพของยุโรป เยอรมนีจึงให้ความช่วยเหลือทางการเงิน มนุษยธรรม และทหารแก่ยูเครน พร้อมกันนี้ นายโชลซ์ยังกล่าวด้วยว่า มีการทำข้อตกลงกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า อาวุธที่ชาติตะวันตกส่งให้จะต้องใช้บนแผ่นดินยูเครนเท่านั้น ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้รัฐบาลเยอรมนีได้ประกาศแผนที่จะส่งมอบรถถังเลพเพิร์ด 2 (Leopard 2) จากคลังกองทัพให้กับยูเครน โดยการส่งมอบอาวุธต่าง ๆ จะร่วมมือกับพันธมิตรตะวันตกอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้สงครามบานปลายขึ้น โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.พ. […]
อ่านเพิ่มเติม »
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบกว่า 60 จุดเช้านี้ จับตาผลประกอบการ-ถ้อยแถลงพาวเวล : อินโฟเควสท์ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลงช่วงเช้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ณ เวลา 07.21 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลง 65 จุด หรือ -0.19% แตะที่ 33,897 จุด นักลงทุนจับตานายพาวเวลซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน (Economic Club of Washington) ในวันพรุ่งนี้ (7 ก.พ.) เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด นักลงทุนรอดูรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทดิสนีย์, ดูปองท์ เป๊ปซี่โค และไทสัน ฟู้ดส์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงดุลการค้าเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ก.พ.) ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 127.93 จุด หรือ -0.38% ปิดที่ 33,926.01 จุด หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้เกิดความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า […]
อ่านเพิ่มเติม »
สหรัฐเล็งโหวตเลิกข้อกำหนดฉีดวัคซีนโควิดสำหรับผู้โดยสารเครื่องบินชาวต่างชาติ : อินโฟเควสท์นายสตีฟ สเกลลิส ผู้นำเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (3 ก.พ.) ว่า ส.ส.ของสหรัฐวางแผนที่จะลงมติในสัปดาห์หน้าต่อร่างกฎหมายที่จะยุติการกำหนดให้ผู้เดินทางโดยเครื่องบินที่เป็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐได้ยกเลิกข้อกำหนดให้ประชาชนที่เดินทางโดยเครื่องบินมาถึงสหรัฐจะต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ แต่ยังไม่ได้ยกเลิกข้อกำหนดการฉีดวัคซีนของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในปัจจุบัน ผู้ใหญ่ที่เดินทางเข้าสู่สหรัฐซึ่งไม่ใช่พลเมืองหรือผู้มีถิ่นพำนักถาวรนั้น จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนการเดินทาง นายโทมัส แมสซี ส.ส.พรรครีพับลิกันเสนอร่างกฎหมายที่จะยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน “คำสั่งที่ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ของ CDC นั้น กำลังแยกประชาชนจำนวนมากเกินไปออกจากครอบครัวของพวกเขา และดำเนินการเช่นนั้นมานานเกินไปแล้ว จึงจำเป็นต้องยุติ” เขาระบุในทวิตเตอร์ ด้าน CDC ระบุว่า วัคซีนยังคงเป็นเครื่องมือด้านสาธารณสุขที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 และแนะนำให้ผู้เดินทางทั้งหมดฉีดวัคซีน ทั้งนี้ CDC ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใด ๆ ในวันศุกร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้านสมาคมการเดินทางของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (2 ก.พ.) ว่า ทางสมาคมสนับสนุนมานานแล้วให้ยกเลิกข้อกำหนดการฉีดวัคซีนและไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องรอให้สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขหมดอายุลงในเดือนพ.ค. โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ผู้เดินทางกำลังวางแผนการเดินทางในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.พ. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »