วันนี้ คุยเรื่องหนักหัว ก็รู้...ท่านไม่อยากอ่านเรื่องทำนองนี้ซักเท่าไหร่แต่อยากให้ฝืนซักนิดเพราะมันไม่เพียงเป็น 'ห่วงโซ่ชีวิต' ที่ทุกคน ทั้งรู้ตัว-ไม่รู้ตัว ล้วนอยู่ในนั้นแล้ว
เพราะมันไม่เพียงเป็น "ห่วงโซ่ชีวิต" ที่ทุกคน ทั้งรู้ตัว-ไม่รู้ตัว ล้วนอยู่ในนั้นแล้ว
ถ้าในช่วง ๕-๖ วัน ก่อนถึงมิถุนาไม่แก้ไขปัญหาดังที่ผมมองเห็นดังจะกล่าวต่อไป รับรอง เมื่อมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายแล้ว แต่จะเดือดร้อน วุ่นวาย ไล่ตามแก้แต่ละเรื่อง แต่ละจุด เสียเวลา เสียความรู้สึก เสียโอกาสทั้งทางทำมาหากินชาวบ้าน ถึงตอนจะรวย แทนที่จะรวยจากเกษตร กลับต้องซวย เพราะบริหารกันสักแต่มีอำนาจสั่ง และที่สั่ง แทนจะเป็นคุณ กลับเป็นโทษ ประเด็นแรก เกษตรกร ชาวไร่-ชาวนา-ชาวสวน ใครยังมีพาราควอต, คลอร์ไพริฟอสเหลือติดบ้าน ไม่ต่างซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในบ้าน พ่อค้า, บริษัท, ห้างร้าน ใครยังมีสาร ๒...
เรียกว่าสารพัด ที่มี ที่ใช้ ที่กิน ที่ขาย ที่ส่งออก ต้องใช้ถั่วเหลืองและข้าวสาลีเป็นวัตถุดิบตั้งต้นแทบทั้งนั้น เขาใช้พาราควอต กำจัดวัชพืช และใช้คลอร์ไพริฟอส กำจัดศัตรูพืช ทั้งนั้น ในเมื่อสารทั้ง ๒ ตัวนั้น เป็นวัตถุอันตรายทางการเกษตร ชนิดที่ ๔ ตามกฎหมาย ที่บังคับใช้ ๑ มิ.ย.
กลับเป็นว่า...