กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในกรณีของการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และความขัดแย้งระหว่าง สี่ยอดกุมาร คาบลูกคาบดอก
ในขณะเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐมาจากสัดส่วนผสม ตามรัฐธรรมนูญปี 60 ทุกกระเบียดนิ้ว คือมาจากหลายพรรคหลายมุ้ง การต่อรองอำนาจและผลประโยชน์ก็เลยกลายเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ตามมาของผู้บริหารพรรค ตามกติกาเป็นหน้าที่คณะผู้บริหารพรรค ประธานยุทธศาสตร์พรรค หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
แต่ในทางพฤตินัย โดยปกติแล้วเลขาธิการพรรค ก็ไม่ต่างอะไรจากแม่บ้านพรรค ต้องถึงลูกถึงคนใจถึงพึ่งได้ เป็นมือประสานสิบทิศถึงจะไปรอดพอ ที่จะให้ลูกพรรคอยู่ในโอวาท แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 60 มีช่องว่างมากมาย เช่น ให้พรรคเสนอชื่อใครก็ได้มา เป็นบัญชีนายกฯ ไม่ต้องเป็น ส.ส.ไม่ต้องเป็นนักการเมือง ใครก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช่หัวหน้าพรรค ไม่ใช่ปาร์ตี้ลิสเบอร์ 1 ของพรรค เหมือนการเมืองในอดีต แต่ต้องมารับบทผู้นำประเทศ เป็นบัญชีนายกฯของพรรค ก็เลยไม่มีความผูกพันกับพรรค คุมกันลำบาก